ป่าตองเดินหน้าผลักดันเมืองสีเขียวอัจฉริยะ เมืองแห่งสุขภาพ รับเทรนด์ท่องเที่ยวในอนาคต

ภูเก็ต - นางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง เปิดเผยถึงการร่วมมือในการผลักดันเมืองป่าตองเป็นเมืองสีเขียวอัจฉริยะ ซึ่งล่าสุดเทศบาลเมืองป่าตอง ได้ลงนามข้อตกลงร่วมมือพัฒนาภูเก็ตเป็นเมืองเขียวอัจฉริยะด้านการท่องเที่ยวและด้านคมนาคมขนส่งเขียว ร่วมกับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด บริษัท พรีเซ้นต์ เทคโนโลยี จำกัด และกฎบัตรสุขภาพ สมาคมการผังเมืองไทย

จุฑารัตน์ เปลรินทร์

วันอาทิตย์ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564, เวลา 09:00 น.

โดยนายกเล็กเมืองป่าตองเผยว่า เทศบาลเมืองป่าตอง มีแนวคิดในการผลักดันและพัฒนาเมืองป่าตอง ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวสีเขียวอัฉริยะมาอย่างต่อเนื่อง เราพยายามที่จะทำให้เมืองป่าตองอยู่ได้และมีรายได้เข้ามาให้กับชุมชนได้ตลอดทั้งปี สืบเนื่องจากป่าตองประสบปัญหาเศรษฐกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะแม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมาก สร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล แต่ก็ยังคงประสบกับปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ฤดูท่องเที่ยวจบลง ซึ่งผู้ประกอบการในพื้นที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าช่วงโลว์ซีซั่นต้องประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำมาหากินลำบาก เพราะเป็นช่วงฤดูมรสุมนักท่องเที่ยวเดินทางมาน้อย การทำมาหากินลำบาก รายได้หดหาย ซึ่งส่งผลกระทบกันทุกภาคส่วนตั้งแต่ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดใหญ่ ร้านค้า ร้านอาหาร ผู้ประกอบการรายย่อย หรือคนขับรถบริการ

“เราจึงได้มีการจัดพิธีลงนามในกฎบัตร ไมซ์ ซิตี้ ป่าตอง ซึ่งถือเป็นสัญญาใจที่ทุกภาคส่วน จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ ประชาชนในพื้นที่ ทุกสาขาอาชีพจะร่วมกันผลักดันป่าตองสู่การเป็นไมซ์ ซิตี้ หรือ เมืองแห่งการประชุมสัมมนาและแสดงสินค้าระดับประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษารายละเอียดต่าง ๆ” นางสาวเฉลิมลักษณ์ กล่าวกับ ข่าวภูเก็ต

“อย่างไรก็ตาม เรายังสามารถดำเนินงานด้านการทำป่าตองให้เป็นเมืองสีเขียวและเมืองเพื่อสุขภาพต่อไปได้ จากผลวิจัยที่ระบุว่าในอนาคตแนวทางการท่องเที่ยวจะเป็นแบบการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ เราจึงผลักดันให้ป่าตองเป็นเมืองเวลเนส เพื่อรองรับเทรนด์การท่องเที่ยวในอนาคต และแนวทางนี้ก็ถือว่าได้รับความสนใจมากจากภาคเอกชน โดยในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ เราจะมีการประชุมกันที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อพูดคุยถึงแนวทางว่าแต่ละฝ่าย เช่น ผู้ประกอบการโรงแรมจะสามารถทำอะไรได้บ้างในช่วงนี้ เบื้องต้นเราอาจจะทำในส่วนของแพ็กเกจต่าง ๆ”

“เมื่อเราเดินหน้าทำป่าตองเป็นเมืองสีเขียว สิ่งที่จะตามมาเมื่อนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาก็คือจำนวนคนที่มากขึ้น จำนวนยานพาหนะที่เพิ่มมากขึ้น และมลภาวะที่เพิ่มมากขึ้น เราจึงจำเป็นต้องมีคมนาคมสีเขียวไว้รองรับ ไม่ใช่เพียงบัส แต่เป็นการคมนาคมสีเขียว รวมถึงการส่งเสริมการเดิน พยายามให้มีทางเท้าทุกจุดในป่าตอง ซึ่งเราก็ได้มีการตั้งงบประมาณในการสร้างทางเท้ามาอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้มีการปั่นจักรยาน"

"แต่ทุกอย่างยังยากเพราะต้องออกแบบใหม่ ต้องรอปรับภูมิทัศน์ ในระหว่างนั้นเราก็จะดำเนินการในส่วนที่ทำได้ เบื้องต้นทางภาคเอกชนก็อยากให้อนุรักษ์พลังงาน ต่อไปเราจะมีการรณรงค์ให้หันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น โดยเราจะมีจุดบริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า หรือ เอวี ชาร์จเจอร์ ในพื้นที่ป่าตอง เพื่อให้ผู้คนให้ความสนใจกันมากขึ้น นอกจากนี้เรายังมองไปถึงเคเบิลคาร์ที่จะสามารถให้บริการได้ทั้งการขนส่งและการท่องเที่ยว ซึ่งส่วนนี้ทางบริษัทเอกชน (เอเอ็มอาร์ เอเชีย) รับเป็นผู้สำรวจและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการศึกษาทั้งหมด” น.ส.เฉลิมลักษณ์ กล่าว

รายงานเพิ่มเติม: เอกภพ ทองทับ

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่