ผลจากการไร้วินัยจราจร ทำให้ต้องเปลี่ยนการจราจรตามใจผู้ใช้เพื่อความปลอดภัย

ภูเก็ต - ทางลอดดาราสมุทร ทางลอดแห่งแรกของชาวภูเก็ต ที่ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2558 โดย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน พร้อมด้วย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากส่วนกลาง และจังหวัดภูเก็ต มากมายเข้าร่วม

จุฑารัตน์ เปลรินทร์

วันอาทิตย์ ที่ 11 มิถุนายน 2560, เวลา 09:00 น.

โครงการนี้เกิดขึ้นได้ ด้วยการอนุมัติงบประมาณ 600 ล้านบาทเศษ จากกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ในการก่อสร้างทางลอด โดยได้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555

ทั้งนี้ แผนการใช้งานทางลอดดังกล่าววางไว้เป็นแบบ Reversible lane หรือเลนที่สามารถปรับเปลี่ยนช่องทางการจราจรได้ในชั่วโมงเร่งด่วน

“ทางลอดแยกดาราสมุทร ตัวอุโมงค์มีความยาวประมาณ 600 เมตร รวมถนนหัวท้ายด้วยยาวประมาณ1กิโลเมตรเศษ มีความสูง5เมตร แบ่งเป็น3ช่องจราจร ช่องๆ ละ 3.5 เมตร นอกจากนี้ภายในอุโมงค์จะมีระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ระบบดูดมลพิษ ระบบปั๊มน้ำ 3 ตัว ซึ่งมีกำลังสูบ 900 ลบ.ม.ต่อชั่วโมง เพื่อใช้กรณีฉุกเฉิน รวมถึงระบบ CCTV และป้ายบอกการใช้ช่องจราจร โดยวางแผนการจัดระบบจราจรภายในอุโมงค์ ในช่วงเช้าขาเข้าเปิดใช้ 2 ช่องจราจร และขาออกใช้ 1 ช่องจราจร ส่วนช่วงเย็นขาออก2ช่องจราจร และขาเข้า 1 ช่องจราจร” นายสมัคร เลือดวงหัด อดีตผู้อำนวยการแขวงการทางภูเก็ต กล่าวถึงแผนงานการก่อสร้าง

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเปิดใช้อุโมงค์ดังกล่าวเพียงไม่นาน แผนที่วางไว้แต่แรกว่าจะมีปรับเปลี่ยนการใช้เลนเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพความคับคั่งของจราจรนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะมีผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วย และใช้คำว่า “ความเคยชิน” เป็นตัวตั้ง ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ต้องเปลี่ยนจากระบบการเปลี่ยนเลนจราจรมาเป็นแบบระบบเดียว ไม่มีการสลับเลนใดๆ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนที่อาจจะ ‘ไม่ชิน’ กับระบบดังกล่าว

นอกจากนั้นยังมีอีก 1 ปัญหาใหญ่คือการที่มีผู้ใช้รถใช้ถนนบางท่านมักง่าย กลับรถหน้าอุโมงค์ ทำให้ทางภาครัฐต้องดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์บริเวณปากอุโมงค์เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนท่านอื่น จากการกระทำของคนเหล่านั้น และยังไม่รวมถึงการฝ่าฝืนข้อห้ามต่างๆ เช่น การแซงในอุโมงค์ หรือ การใช้ความเร็วเกินกำหนด และ ประเภทรถต่างๆที่ห้ามใช้อุโมงค์

แล้วก็มาถึงการเปลี่ยนแปลงวิศวกรรมทางการจราจรบริเวณทางลอดดาราสมุทรครั้งล่าสุด ที่มีการนำกรวยสีส้มมาวางคั่นเลนกลางเพื่อแบ่งช่องทางจราจรจาก 3 ช่อง ให้เหลือเพียง 2 ช่อง

นายปฏิเวชวุฒิศักดิ์ สุขขี ผู้อำนวยการแขวงการทางภูเก็ต อธิบายว่า เหตุที่ต้องวางกรวยตลอดแนวอุโมงค์นั้นก็เพราะว่า ต้องการให้ผู้ใช้รถใช้ถนนลดความเร็วในการขับขี่ลง และเพื่อไม่ให้เกิดการแซงในอุโมงค์ ด้วยเป้าประสงค์ที่จะลดอุบัติเหตุในอุโมงค์ เพราะที่ผ่านมาแขวงการทางได้รับคำร้องเรียนจากผู้สัญจรภายในทางลอดว่ามักจะมีผู้ขับขี่แซงคันอื่นขึ้นไปเสมอ จึงปิดช่องกลางไว้เพื่อให้ขับได้เพียง 2 เลนเพื่อความปลอดภัยในเบื้องต้น

“ทั้งนี้เรายังได้รับเรื่องราวร้องเรียนอื่นๆอีกมากมาย เช่นรถจักรยานยนต์ฝ่าฝืนใช้ทางลอด เหตุที่เราห้ามไม่ให้รถจักรยานยนต์ใช้ทางลอดก็เพราะว่าภายในอุโมงค์ไม่มีไหล่ทาง และอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุภายในอุโมงค์การช่วยเหลือจะทำได้ยากกว่าถนนปกติ และเป็นเหตุให้เกิดการจราจรติดขัด”

“เราต้องทำการแก้ไขไปตามสถานการณ์ให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ใช้รถใช้ถนนหมู่มาก เพราะมีผู้ใช้รถบางกลุ่มที่ไม่เคารพกฎ ทำให้ผู้ที่ขับขี่ถูกต้องและเคารพกฎจราจรได้รับความเดือดร้อน”

“ทั้งนี้ผมจะได้นำเรื่องนี้ไปเสนอกับคณะอนุกรรมการการจราจรจังหวัดภูเก็ตต่อไปเพื่อหาทางแก้ไข ซึ่งทางคณะอนุกรรมการฯจะได้มีการประชุมเพื่อหาทางแก้ไขในเรื่องนี้เร็วๆนี้ อย่างไรก็ตามจนกว่าจะมีแนวทางการแก้ปัญหาออกมา การแบ่งช่องทางการจราจรจะยังเป็นการใช้กรวยแบ่งเป็น 2 เลนเอาไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว”

นายปฏิเวชวุฒิศักดิ์ กล่าวย้ำว่า “ซึ่งทางเราทราบดีว่า พอแก้จุดหนึ่ง มันก็จะเกิดผลกระทบอีกจุดหนึ่ง เช่นในกรณีที่แบ่งช่องทางจราจรจาก 3 ช่องเป็น 2 ช่องนั้น มันขัดกับวิศกรรมที่สร้างเอาไว้ เพราะรถต้องชะลอเพื่อที่จะเข้าช่องทางอุโมงค์และนั่นก็อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ เราจึงอยากขอให้ทุกท่านได้ชะลอความเร็วและใช้ความเร็วไม่เกิด 60 กม./ชม. ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ”

“เราต้องคิดกันหลายมุม เพราะตราบใดที่ดียังมีผู้ขับขี่บางกลุ่มไม่ยอมปฏิบัติตามกฎจราจร มันก็มีโอกาสสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และเราก็ต้องค่อยๆแก้กันไป” ผอ.แขวงทางหลวงภูเก็ต กล่าว

เมื่อถามว่าทำไมไม่ใช้กฎเหล็ก หากใครฝ่าฝืนกฎจราจรก็ต้องรับโทษตามที่กฎหมายกำหนด ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงให้เหตุผลว่า ตราบใดที่ตัวผู้ใช้รถใช้ถนนเองยังขาดวินัย ถึงแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะกวดขันเข้มข้นมันก็เป็นเพียงการแก้ที่ปลายเหตุ

“ผมได้พูดคุยเรื่องนี้กับท่านพล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต แล้วในเรื่องนี้ ซึ่งทางตำรวจเองก็ยอมรับว่ามีงานอื่นที่ต้องทำ และกำลังเจ้าหน้าที่ก็ไม่เพียงพอที่จะมาคอยควบคุมการใช้รถใช้ถนนตลอด 24 ชั่วโมง เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของจิตสำนึกของผู้ใช้รถใช้ถนนเอง ผมว่ามันต้องแก้ไขที่ตัวเรา แก้ไขที่จิตสำนึกของเรา แค่เพียงทำตามกฎหมาย ทำตามกฎจราจรที่ตั้งเอาไว้ก็ไม่มีปัญหา ความปลอดภัยในชีวิตของเราก็จะมากขึ้นด้วย” นายปฏิเวชวุฒิศักดิ์ กล่าว

 

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่