ผู้ประกอบการภูเก็ตยินดี อียูปลดใบเหลืองประมงไทย แต่ยังรอดูท่าทีรัฐบาล

ภูเก็ต – นายกสมาคมประมงจังหวัดภูเก็ต ยินดีที่สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศปลดใบเหลืองการทำประมงไอยูยู หรือการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ของประเทศไทย ทั้งนี้ทางกลุ่มประมงในจังหวัดยังต้องขอรอดูท่าทีรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับธุรกิจประมง ย้ำหากรัฐบาลยังคงเข้มงวดโดยการยึดแนวทางการปฏิบัติเดิม ผู้ประกอบการประมงและกิจการประมงก็คง “ตาย”

จุฑารัตน์ เปลรินทร์

วันพุธ ที่ 9 มกราคม 2562, เวลา 10:16 น.

เช้าวันนี้ (9 ม.ค. 62) สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต เปิดเผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยินดีที่สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศปลดใบเหลืองการทำประมงไอยูยูของไทย ซึ่งถือเป็นเพียงประเทศเดียวที่ได้รับการพิจารณาในครั้งนี้ นับว่าเป็นข่าวดีอย่างมาก

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "นายกฯ ขอบคุณอียูที่เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาการทำประมงไอยูยู นับตั้งแต่ที่ประเทศไทยได้ใบเหลืองเมื่อเดือนเมษายน 2558 ที่สำคัญต้องยกความดีให้ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ ทั้งชาวประมง ผู้ประกอบการ และหน่วยงานภาครัฐ ที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันเสียสละ อดทน และทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและปฏิบัติตามหลักสากล"

“นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ผู้ประกอบการประมงและชาวประมงพื้นบ้านคงเห็นถึงประโยชน์ที่ทุกคนได้ลงแรงกันมา และนับจากนี้สถานการณ์ประมงของไทยจะดีขึ้น ค้าขายได้มากขึ้น เพราะนานาประเทศมีความเชื่อมั่น ส่วนรัฐบาลยืนยันว่าจะยกระดับมาตรฐานการประมงไทยทุกด้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไทยบรรลุการเป็นประเทศปลอดประมงไอยูยู หรือไอยูยูฟรี อย่างสมบูรณ์ต่อไป” นายพุทธิพงษ์ กล่าว

ด้านนายสมยศ วงศ์บุญยกุล นายกสมาคมประมงจังหวัดภูเก็ต กล่าวกับ ข่าวภูเก็ต ว่า “เบื้องต้นก็รู้สึกยินดีที่อียูปลดใบเหลืองอียูยูไทย เพราะอย่างน้อยการนำเข้าสินค้าและผลิตภัณฑ์แปรรูปประมงต่าง ๆ จากทางเราก็จะผ่อนคลายขึ้น กำแพงที่เคยตั้งไว้ก็น่าจะลดลงไปบ้าง”

อย่างไรก็ตาม นายกสมาคมประมงจังหวัดภูเก็ต ยังมีความหวังให้ทางรัฐบาลช่วยผ่อนปรนความเข้มข้น ในการบังคับใช้กฎหมายไอยูยูกับผู้ประกอบการประมง

“ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทางรัฐบาลเข้มงวดกับผู้ประกอบการประมงเป็นอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาประมงภูเก็ตยังพอจะออกเรือกันได้บ้าง แต่ก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ ผู้ประกอบการบางเจ้าที่ไม่มีคนงานต่างด้าวเพียงพอก็ต้องจอดเรือ เพราะไม่สามารถออกเรือได้ เพราะกฎหมายที่บังคับใช้กับเรือประมงมีความเข้มข้น คนงานทุกคนต้องมีใบอนุญาตทำงานที่ถูกต้อง จึงถือว่าเป็นเรื่องยากที่เพิ่มขึ้นมาจากสมัยก่อน แต่เราก็ต้องทำไม่เช่นนั้นเราก็ไม่สามารถออกเรือหาปลาได้ และอาจจะต้องเลิกทำประมงไปเลย” นายสมยศ อธิบาย

“หลังจากนี้เรายังคงต้องรอดูท่าทีของรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป การปลดล็อคใบเหลืองอียูยูไทยในครั้งนี้ ผู้ที่ได้ประโยชน์จริง ๆ คือนายทุนใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจนำเข้าส่งออกไปยังอียู พวกเราผู้ประกอบการประมงเป็นเพียงแค่เครื่องบูชายัญเท่านั้น” นายสมยศ กล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่