ด้วยรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์และความน่ารักที่ดูคล้ายกับตุ๊กตา เพราะมีขนนุ่มสั้นเหมือนกำมะหยี่ ลำตัวป้อมกลมอ้วน และมีดวงตากลมโตของเจ้านางอายหรือลิงลม นี้เอง ทำให้ต้องตกเป็นเหยื่อของเหล่าผู้ประกอบการที่นำสัตว์กลางคืนเหล่านี้ออกมาหากินในเวลากลางวันอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งสามารถพบเห็นได้อย่างต่อเนื่องในจังหวัดภูเก็ต และแม้ว่าจะมีการกวดขันจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจับกุม คนเหล่านี้ก็ยังคงวนเวียนกลับมาทำธุรกิจผิดกฎหมายเช่นเดิมเพราะรายได้อันมากมายมหาศาลจากนักท่องเที่ยวหลักล้านของจังหวดภูเก็ต
ล่าสุด นายปิยวัฒน์ สุคนธ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้เห็นพบการกระทำผิด 1 ราย ในขณะเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระเเทวในนามสายตรวจปราบปรามพิเศษด้านสัตว์ป่าประจำจังหวัดภูเก็ต ออกตรวจแหล่งท่องเที่ยวบริเวณหาดกะตะ และหาดกะรน เพื่อป้องกันมิให้ มีการนำสัตว์ป่าคุ้มครองมาโชว์แก่นักท่องเที่ยว แต่ก็ไม่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ เพราะได้วิ่งหลบหนีไปในทันทีที่เห็นคณะเจ้าหน้าที่ โดยทิ้งของกลางนางอายไว้กับนักท่องเที่ยวจำนวน 1 ตัว
“เจ้าหน้าที่ของเราเห็นหน้าผู้กระทำผิด และเชื่อว่าชายผู้นี้เคยกระทำผิดในข้อหาเดียวกันมาก่อน” นายปิยวัฒน์ กล่าว
หลังจากนั้นคณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน พร้อมกับอธิบายรูปพรรณสัญฐานและลักษณะการแต่งตัวของผู้กระทำผิดรายดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ ก่อนจะนำนางอายกลับไปยังเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว เพื่อให้เขาได้กลับไปใช้ชีวิตอยู่ในธรรมชาติตามที่ควรจะเป็นต่อไป
ถัดจากนั้นเพียง 1 วันทางเจ้าหน้าที่ก็ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวอีกว่า มีการพบเห็นการนำนางอายมาโชว์แก่นักท่องเที่ยว เพื่อถ่ายรูปอีกครั้งบริเวณหาดบางเทา แต่ด้วยระยะทางที่ไกลจากที่เกิดเหตุจึงไม่สามารถพบตัวผู้กระทำผิดได้
หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว กล่าวกับ ข่าวภูเก็ต อีกว่า ตลอดปี 2561 ที่ผ่านมา มีการดำเนินคดีในความผิดฐาน “ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” กับกลุ่มคนที่นำเอานางอายมาโชว์และบริหารถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 6 คดี และรับนางอายเข้ามาไว้ในความดูแลทั้งสิ้น 6 ตัว นอกจากนี้ยังมีนางอายอีกมากกว่า 10 ตัว ที่ทางเจ้าหน้าที่รับมาดูแล จากกรณีเจ็บป่วย หรือถูกไฟช็อตขณะออกมาหากิน
และอธิบายว่าการที่จะกำจัดผู้ประกอบการที่นำนางอาย หรือลิงลมออกมาโชว์ หรือให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพคู่กับนางอายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกำลังของเจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอ และภารกิจหลักคือต้องปฏิบัติงานในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว อยู่ในพื้นที่อำเภอถลาง ตั้งอยู่ห่างจากบรรดาชายหาดที่มีชื่อเสียงซึ่งเหล่าผู้ประกอบการมักจะแอบนำนางอายมาหากินกับนักท่องเที่ยวที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
“ต้องยอมรับว่าการกำจัดผู้ประกอบการผิดกฎหมายเหล่านี้ให้สิ้นซากนั้นเป็นไปได้ยาก เพราะด้วยค่าตอบแทนที่มากมาย และทำได้ง่าย เพียงแค่คุณนำนางอายออกมาให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป และยังสามารถซุกซ่อนนางอายได้อย่างง่ายดาย โดยให้นางอายเกาะไว้ที่มือ และใส่มือเอาไว้ในกระเป๋าสะพายด้านหน้า เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่” นายปิยวัฒน์ อธิบาย
“ในการปฏิบัติการหลายครั้งเราก็ได้แจ้งและขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละท้องที่ให้เข้ามาร่วมดำเนินการตรวจสอบหรือจับกุม แต่ก็ต้องยอมรับอีกเช่นกันว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีภารกิจหลักที่ต้องดูแลเช่นเดียวกัน นอกเสียจากว่าเป็นเหตุการณ์ที่พบเห็นการกระทำผิดซึ่งหน้า ทางเราก็ได้ขอร้องให้ช่วยจับกุมตัวผู้กระทำผิด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป”
หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทวระบุว่า ผู้ใดกระทำความผิดฐาน ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้การนำนางอายมาหากินในเวลากลางวันนั้นยังถือว่าเข้าข่ายการทารุณสัตว์ ตามพระราชบัญญัติ ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์
“นางอายเป็นสัตว์ที่ออกหากินเวลากลางคืน และจะนอนหลับในตอนกลางวัน เพราะฉะนั้นการที่ผู้ประกอบการนำเอานางอายออกมาโชว์และเคลื่อนไหวตัวในเวลากลางวันนั้นถือเป็นการผิดธรรมชาติ ซึ่งจะสามารถส่งผลต่อสุขภาพนางอายเหล่านั้นได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพบว่ามีนางอายบางตัวที่ทางเจ้าหน้าที่รับมาไว้ในความดูแลเกิดความผิดปกติกับสายตาจนถึงขั้นตาบอด เนื่องจากถูกนำมาเป็นเครื่องมือทำมาหากินในเวลากลางวัน เพื่อทำรายได้ให้แก่มนุษย์” นายปิยวัฒน์ กล่าว
หากผู้ใดพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะนำนางอายมาโชว์หรือให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป สามารถโทรแจ้งนายปิยวัฒน์โดยตรงได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 089-8737749 ตลอด 24 ชั่วโมง
