พลังชาวบ้านระงับการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลหาดสุรินทร์

ภูเก็ต - โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลมูลค่า 38.75 ล้านบาท ของกรมโยธาธิการและผังเมือง หยุดฟังเสียงชาวบ้าน หาดสุรินทร์ และได้ถูกระงับการก่อสร้างหลังจากชาวบ้านกว่า 50 คนรวมตัวกันประท้วงเรียกร้องคำตอบว่าสร้างไปเพื่ออะไรพร้อมกับขอการชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ โดยโครงการนี้ ได้เริ่มต้นสัญญา 18 เม.ย. 59 สิ้นสุดสัญญา 23 พ.ย. 61 งบประมาณ 38,750,000 บาท ซึ่งมีความยาวประมาณ 850 เมตร

ข่าวภูเก็ต

วันพุธ ที่ 15 พฤศจิกายน 2560, เวลา 20:34 น.

ความล่าช้าของโครงการได้เกิดขึ้นหลังจากที่ชาวบ้านได้รวมตัวกัน เรียกร้องขอเข้าพบกับนายมาแอน สำราญ นายกอบต.เชิงทะเล และนายทวี หอมหวล โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต บนชายหาดสุรินทร์ในช่วงเช้าของวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา

“ผมเป็นคนนัดกับชาวบ้านเองว่าหากใครมีข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับการก่อสร้างครั้งนี้ ให้มารวมตัวกันที่บริเวณชายหาดเพื่อสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ได้โดยตรง จึงได้นัดพบกับชาวบ้าน ประมาณ 50 รายโดยประมาณ” นายทวีกล่าว

“ในการนัดหมายดังกล่าว ผมได้ชี้แจงให้ชาวบ้านได้ทราบถึงแบบแปลน แต่เนื่องจากว่าชาวบ้านบางส่วนยังให้ความเห็นเกี่ยวกับการก่อสร้างดังกล่าวอยู่ ผมจึงได้สั่งระงับการก่อสร้างเอาไว้ก่อน และได้สั่งการให้กลบพื้นที่ที่ได้มีการขุดไป และแจ้งกับทางนายกอบต.เชิงทะเลเพื่อให้นัดหมายกับชาวบ้านเพื่อสร้างความเข้าใจกัน หากใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็สามารถหารือร่วมกันได้”

“จากนั้นชาวบ้านประมาณ 20 รายจึงได้ร่วมลงชื่อเพื่อการนัดหมายกันอีกครั้ง โดยยังไม่ได้ระบุว่าเป็นเมื่อไหร่ คาดว่าน่าจะเป็นสัปดาห์หน้า”

“ทั้งนี้ หลังจากการนัดหมายกับชาวบ้านแล้ว ในอนาคตเราต้องปรับแผนในการก่อสร้างให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกับการท่องเที่ยวด้วย จากการให้ความคิดเห็นของชาวบ้านในการรวมตัวกันที่ผ่านมา ก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นธรรมดา ในตอนนี้ก็ต้องวิเคราะห์กับความเห็นต่างๆ และต้องฟังเสียงข้างมากด้วย” นายทวี กล่าวเพิ่มเติม

ทางด้านนายมาแอน สำราญ นายกอบต.เชิงทะเล ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ผมได้รับการร้องเรียนจำนวนมากในช่วงหลายปีมานี้ ว่าเพราะเหตุใดผมจึงไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำกัดเซาะชายหาด ดังนั้นผมจึงคิดว่ามันถึงเวลาอันสมควรในการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล ทั้งนี้ในหน้ามรสุม คลื่นทะเลจะกัดเซาะทรายไปจำนวนมาก” นายมาแอน กล่าว

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต ยอมรับว่า โครงการดังกล่าวเป็นของส่วนกลาง และผู้รับเหมาก่อสร้างเองอาจจะเผลอเรอไปในส่วนของความละเอียดในการปฏิบัติงาน

“สำหรับแผนการก่อสร้างดังกล่าวนั้น ทางส่วนกลางเป็นผู้ดูแลและทางผู้รับเหมาได้ปฏิบัติตามแผนงานที่เห็นชอบโดยกรมฯ อย่างไรก็ดีสำหรับความเข้าใจผิดหรือความไม่เข้าใจต่างนั้น ทางท่านทวีก็ได้สั่งระงับการก่อสร้างเอาไว้ก่อน เพื่อดำเนินการนำแผนงานต่างๆ เข้าที่ประชุมจังหวัดให้ได้รับทราบและหารือในขั้นตอนต่อไป รวมทั้งอธิบายให้ชาวบ้านได้ทราบว่า โครงการดังกล่าวนั้น เมื่อแล้วเสร็จจะมีการกลับฝังทรายปรับภูมิทัศน์ให้สวยงามโดยที่ไม่ให้กระทบกับทัศนียภาพของชายหาดสุรินทร์อันสวยงาม”

“สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าผู้รับเหมาได้ทำการก่อสร้างในเวลากลางคืนนั้น เราก็ได้ให้เหตุผลไปว่า หากปฏิบัติงานช่วงกลางวันก็จะเป็นการรบกวนนักท่องเที่ยว และผู้รับเหมาต้องเข้าทำงานกับในช่วงไฮซีซั่นเนื่องจากว่า ในช่วงมรสุมคลื่นลมจะแรงมาก ทำให้ไม่สารมารถปฏิบัติงานได้” เจ้าหน้าที่ กล่าว

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังอธิบายอีกว่า โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลดังกล่าวนั้น จะมีรูปแบบเช่นเดียวกับ โครงการที่กะรน ราไวย์ และอ่าวนาง สำหรับต้นไม้ที่ได้ถูกตัดโค่นทำลายนั้น ทางผู้รับเหมาจะรับผิดชอบในการนำมาปลูกใหม่ให้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม นายจำลอง สิทธิโชค อายุ 50 ปี ชาวบ้านที่เกิดและรักในหาดสุรินทร์ กล่าวกับ ข่าวภูเก็ต  และแย้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่า ไม่มีชาวบ้านคนไหนเห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว และไม่มีใครทราบเลยว่าจะมีการก่อสร้างเขื่อน กระทั่งพบรถแบคโฮ 2 คันมาทำการขุดเปิดหน้าหาดทรายเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

“ผมเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่มีธุรกิจใดใดที่ชายหาด ผมรักที่จะเล่นเซิร์ฟและว่ายน้ำที่หาดสุรินทร์ทุกวัน เรื่องมันเริ่มมาจากการนำเขาเข็มยาว 12 เมตรเป็นพันๆ ต้นมาวางบนหาด พวกเราไม่ทราบเลยว่าเขาจะสร้างอะไร กระทั่งมีรถแบคโฮจำนวน 2 คันเข้ามาขุดเปิดหาดทราย พอทราบเรื่องผมได้เข้าไปสอบถามผู้รับเหมาที่กำลังขุดเปิดหน้าชายหาดและทำลายต้นไม้ ทางผู้ปฏิบัติงานก็บอกเพียงว่าเป็นโครงการของรัฐและไม่สามารถให้ตำตอบที่ชัดเจนได้ กระทั่งมีการย้ายเครื่องจักรออกไปและระงับการก่อสร้าง”

“ทางเราได้ยินว่าจะมีการก่อสร้างเขื่อนเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีชาวบ้านคนใดเห็นด้วยเลย จนมีการขุดเปิดหน้าชายหาดดังกล่าว หากทางภาครัฐยืนยันหนักแน่นว่าโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์จริงและผ่านทุกขั้นตอนตามกฎหมายก็สามารถนำหลักฐานต่างๆ มาแสดงเพื่อแย้งในข้อกังขาของพวกเราได้ หากไม่สามารถแสดงหลักฐานได้ พวกเราก็จะสู้ไม่ถอยเพื่อชายหาดสุรินทร์ บ้านของพวกเรา” นายจำลอง กล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่