เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ห้องประชุม สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต นายสมปราชญ์ ปราบสงคราม ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำช่วงฤดูแล้ง ครั้งที่ 1/2566 เพื่อหารือเตรียมแผนการบริหารจัดการน้ำในจังหวัดภูเก็ตช่วงหน้าแล้ง ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำทั้ง 3 แห่ง มีปริมาณน้ำ รวม 13.1 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 62.38% ของความจุทั้งหมด คาดการณ์หากฝนทิ้งช่วงยังคงมีน้ำใช้ได้จนถึงเดือนกรกฎาคม 2566 อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่ามากที่สุด
แม้ว่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากการประชุมคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดภูเก็ต ทุกหน่วยงานต่างยืนยันว่าในปีนี้จังหวัดภูเก็ตมีน้ำอุปโภคบริโภคเพียงพออย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามก็ขอให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้มีน้ำใช้ตลอดในฤดูฝนทิ้งช่วง
ล่าสุดที่ประชุมให้ข้อมูลในส่วนของสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ แบ่งเป็น 4 พื้นที่คือ 1 พื้นที่เสี่ยงมาก (คาดว่าจะมีน้ำอุปโภคบริโภคใช้ในพื้นที่เพียงพอถึงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา) ประกอบด้วย 19 ชุมชน/หมู่บ้าน พื้นที่ตำบลกมลา ป่าตอง เทพกระษัตรี ไม้ขาว และวิชิต 2. พื้นที่เสี่ยงปานกลาง (คาดว่าจะมีน้ำอุปโภคบริโภคใช้ในพื้นที่เพียงพอถึงสิ้นเดือนเมษายน 2566) ประกอบด้วย 23 ชุมชน/หมู่บ้าน พื้นที่ตำบลกมลา ไม้ขาว ฉลอง และวิชิต 3. พื้นที่เฝ้าระวัง (คาดว่าจะมีน้ำอุปโภคบริโภคใช้ในพื้นที่เพียงพอถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2566) ประกอบด้วย 27 ชุมชน/หมู่บ้าน พื้นที่ตำบลป่าตอง เชิงทะเล ป่าคลอก ไม้ขาว ศรีสุนทร เกาะแก้ว ตลาดใหญ่ และวิชิตและ 4.พื้นที่ ไม่มีความเสี่ยง (คาดว่าจะมีน้ำอุปโภคบริโภคใช้ในพื้นที่เพียงพอถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2566) ประกอบด้วย 97 ชุมชน/หมู่บ้าน
นายสมปราชญ์ กล่าวว่า ในการเตรียมความพร้อมได้ประสานโครงการชลประทานภูเก็ต และการประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ต สำรวจพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน ที่เคยเกิดปัญหากรณีการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นประจำ, ประสานสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดภูเก็ต ดำเนินการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตรให้ดำเนินการตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตรในช่วงฤดูแล้งปี 2565/2566 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พร้อมทั้งกำหนดมาตรการรองรับในพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ และจังหวัดภูเก็ตได้แจ้งอำเภอทุกอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ให้เตรียมความพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยของหน่วยงานฝ่ายพลเรือน หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดเป็นชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว เพื่อให้ความช่วยเหลือในพื้นที่เสี่ยง
