ยิงตัวตายบนรถ! คนร้ายยิงผู้โดยสารบัสภูเก็ตพัทลุงหลังปิดถนนเจรจา 4 ชม.

ภูเก็ต - คืบหน้าเกิดเหตุคนร้ายยิงผู้โดยสารภายในรถบัสสายภูเก็ต-พัทลุงเจ็บไป 2 เจ้าหน้าที่ปิดถนนเจรจากว่า 4 ชั่วโมง สุดท้ายคนร้ายยิงตัวตายบนรถ

ข่าวภูเก็ตประชาสัมพันธ์หน่วยงานรัฐ

วันศุกร์ ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566, เวลา 15:49 น.

จากกรณีเมื่อเวลา 07.00 น. วันนี้ (10 ก.พ.66) พ.ต.ท.สุชาติ หมีลำพอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ตได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดเหตุคนร้ายยิงผู้โดยสารที่นั่งอยู่ภายในรถบัสสายภูเก็ต-พัทลุง ขณะรถกำลังแล่นผ่านบริเวณโค้งควนดินแดง ถ.เทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมือง มีผู้บาดเจ็บจำนวน 2 ราย และคนร้ายยังซ่อนตัวอยู่ภายในรถ ขอรถพยาบาลรับคนเจ็บและขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเจรจาและจับกุมคนร้าย จากนั้น พล.ต.ต.เสริมพันธ์ุ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประเทือง ผลมานะ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ตนำกำลังสายตรวจ-นปพ.ภ.จว.ภูเก็ต กว่า 30 นายอาวุธครบมือรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นถนนสายหลักเข้าออกตัวเมืองภูเก็ต บริเวณทางโค้งหักศอก ซึ่งเป็นถนนขาออกนอกเมือง พบรถบัสสีชมพู-ขาว รถโดยสารประจำทางสายภูเก็ต-พัทลุง ทะเบียนป้ายเหลือง 10-2160 ภูเก็ตจอดสตาร์ทเครื่องอยู่ริมถนน ภายในรถไม่พบผู้โดยสาร มีเพียงชายต้องสงสัยจำนวน 1 คนอยู่ภายในรถ เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องปิดถนนขาออก ตั้งแต่สามแยกไฟแดงควนดินแดง-บ้านสะปำ ถ.เทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมือง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนพร้อมกับให้ทีมเจรจาเข้าพูดคุยกับชายดังกล่าวที่อยู่ภายในรถ เบื้องต้นได้รับแจ้งจาก นายสมยศ บัวแก้ว อายุ 42 ปี คนขับรถโดยสารคันดังกล่าวว่ามีผู้โดยสารจำนวน 2 คน ชาย 1 หญิง 1 คนถูกชายดังกล่าวใช้อาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่ง รพ.มิชชั่นภูเก็ต 

นายสมยศคนขับรถเล่าว่า ได้ขับรถออกจาก บขส.2 ถ.เทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมือง มุ่งหน้าไปยังพัทลุงตามปกติ และเมื่อขับรถใกล้จะถึงสามแยกไฟแดงควนดินแดง ถ.เทพกระษัตรี ซึ่งห่างจาก บขส.ไม่ถึง 1 กม.ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จากนั้นมีน้องผู้หญิงที่นั่งมาในรถวิ่งมาบอกตนเอง "ช่วยด้วย ๆ ถูกยิง" ตนเองจึงขับรถแอบข้างถนน ทันใดนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด ถูกผู้โดยสารเป็นชายอีก 1 คนได้รับบาดเจ็บ โดยขณะเกิดเหตุมีผู้โดยสารเพียง 9 คน จากนั้นได้จอดรถแล้วเปิดประตูออกมา ขณะเดียวกันผู้โดยสารต่างหนีตายออกจากรถกันได้ทั้งหมด โดยคนร้ายยังอยู่ภายในรถเพียงลำพัง ซึ่งไม่ทราบสาเหตุที่คนร้ายก่อเหตุดังกล่าว

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 พร้อมด้วยนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผวจ.ภูเก็ตร่วมกันสั่งการให้ชุด นปพ.บก.สส.ภ.8 และ นปพ.ภ.จว.ภูเก็ตนำญาตินายนาวิน ช่วยเกลี้ยง อายุ 24 ปีคนร้ายที่หลบซ่อนตัวอยู่บนรถบัส ซึ่งเดินทางมาจาก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่เข้าพูดคุยกับนายนาวิน เพื่อให้ลงจากรถบัสมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยใช้เวลากว่า 30 นาที แต่ไม่เป็นผล จากนั้นชุดปฏิบัติการพิเศษได้ยิงแก๊สน้ำตาตามยุทธวิธีเข้าไปภายในรถ พร้อมกับบุกชาร์จขึ้นไปบนรถ โดยพบร่างนายนาวินนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่ที่พื้น สวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน ใส่รองเท้าผ้าใบสีดำ โดยมีปืนไม่ทราบขนาดตกอยู่ 1 กระบอก(ไทยประดิษฐ์) สภาพศพถูกอาวุธปืนจ่อยิงเข้าที่บริเวณหัวนมซ้าย 1 นัด จากนั้นแพทย์ รพ.วชิระภูเก็ตพร้อมด้วย พฐ.ภูเก็ตเข้าตรวจสอบและชันสูตรศพเบื้องต้นบนรถ ก่อนที่จะนำศพส่งชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ.วชิระภูเก็ต ขณะเดียวกันผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ น.ส.จุไรพร รักษ์บรรจง อายุ 49 ปีและนายนภณัฐ มณีชาตรี อายุ 26 ปีถูกกระสุนเข้าที่ตามร่างกายได้รับบาดเจ็บ โดยแพทย์ได้รักษาจนพ้นขีดอันตรายแล้ว

พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ตกล่าวภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวเข้าสู่ภาวะปกติว่า จากการสอบถามญาตินายนาวินทราบว่า นายนาวินเคยเป็นทหารเกณฑ์ 2 ปี และสมัครต่ออีก 1 ปี จากนั้นได้ปลดประจำการออกมา โดยนายนาวินพักอาศัยอยู่กับยายสองคน ก่อนเกิดเหตุได้บอกกับยายว่าจะออกไปใช้ชีวิตตามเส้นทางของตัวเองและหายตัวออกจากบ้านไป ซึ่งญาติ ๆ ระบุว่านายนาวินมีอาการทางจิตและเคยเข้ารักษาตัวที่ รพ.ใน อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ แต่ไม่ได้กินยาต่อเนื่อง จนกระทั่งมาก่อนเหตุ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุนั้น เป็นอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ โดยบนรถบัสพบปลอกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 2 ปลอก และอีก 1 ปลอกคาอยู่ในรังเพลิงของปืนกระบอกดังกล่าว ซึ่งคาดว่านัดสุดท้ายนายนาวินใช้จ่อยิงตัวเองเสียชีวิตดังกล่าว โดยญาติ ๆ ที่เดินทางมา เพื่อพยายามเจรจากับนายนาวินเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เห็นการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ไม่ได้ติดใจการเสียชีวิตของนายนาวินแต่อย่างใด

โดยหลังจากนั้นทาง นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อให้กำลังใจและปลอบขวัญแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ครั้งนี้

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่