“จากกรณีร้องเรียนส่วยนั้น ขณะนี้ทั้งพ.ต.อ.ชัยวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต และ พ.ต.ท.สมศักดิ์ รอง ผกก. สภ.ป่าตอง ได้ถูกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ ณ ศปก.ภ.8 ซึ่งตอนนี้คณะกรรมการก็กำลังพยายามที่จะรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง” พล.ต.ต. ธีระพล กล่าว
ทั้งนี้ พล.ต.ต. ธีระพล ได้อธิบายต่อว่าการจะรวบรวมพยานหลักฐานนั้นเป็นไปได้ยาก เนื่องจาก ผู้ประกอบการซึ่งเป็นผู้เสียหายนั้นไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตรวจในการให้ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวน
“กรณีของการเรียกการเรียกรับผลประโยชน์นั้น คือ ต้องเป็นคนมีอำนาจและต้องไปเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ที่กระทำความผิดเพื่อที่จะไม่ต้องจับกุม การที่จะให้ผู้ประกอบการเหล่านั้นเขามาให้การ เนื่องจากกลัวว่าตัวเองจะโดนดำเนินคดี และจะไม่สามารถประกอบธุรกิจไปได้ ซึ่งจากข้อมูลการกระทำผิดอยู่ในพื้นที่ป่าตองเป็นส่วนใหญ่”
อย่างไงก็ตาม พล.ต.ต. ธีระพล ระบุว่า เวลาการเปิดปิดสถานบริการในพื้นที่ป่าตองนั้นทางจัดหวัดเองก็ได้อนุโลมอนุญาตให้เปิดบริการจนถึงเวลา 3 นาฬิกา แต่ยังมีผู้ประกอบการหลายรายฝ่าฝืน
“สำหรับการเปิดปิดสถานบันเทิงป่าตองนั้นทางเราก็ได้คุยกันในระดับจังหวัดเพราะเข้าใจว่าป่าตองเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเสียส่วนใหญ่ และนักท่องเที่ยวที่เข้าไปใช้บริการมันก็จะมีเวลาแตกต่างกัน ผู้ว่าฯ ฝ่ายปกครองตำรวจ ทหาร ก็ได้อนุโลมจนถึงเวลา 3 นาฬิกา แต่ผู้ประกอบการบางรายไม่ยอมหยุดเวลาดังกล่าว บางรายขยายเวลาไปถึง 6 โมงเช้า และตรงนี้มันจึงเลยกลายเป็นปัญหาและเป็นช่องทางในการเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่หรือบุคคลบางกลุ่ม”
พล.ต.ต. ธีระพล ยืนยันว่าในเรื่องนี้ พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาดกับทั้งตำรวจหรือบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง สำหรับผู้เสียหายคือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ สามารถมาแจ้งความหรือเอาไปฟ้องร้องเองเลยก็ได้
“เรื่องนี้ทางจเรตำรวจเป็นผู้ตรวจสอบ ในขณะเดียวกันทาง ภาค 8 ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการด้วยเช่นกัน”
เมื่อครั้ง พ.ต.อ. ชัยวัฒน์ ดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.ป่าตองก็ได้มีกรณีร้องเรียน นายตำรวจตำแหน่งสารวัตรจนต้องมีการย้ายสารวัตรคนดังกล่าวออกนอกพื้นที่ (อ่านเพิ่มเติม คลิก) ทั้งนี้ผลการสอบสวนก็มิได้มีการเปิดเผยต่อสาธารณชนแต่อย่างใด ได้รับคำตอบจากผู้บังคับการเพียงว่าเป็นการดำเนินการจัดการภายใน
