รวบแก๊งทองปลอมหลอกตุ๋นขายฝากร้านทองในภูเก็ต เสียหายกว่า 4 ล้านบาท

ภูเก็ต - เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงข่าวแก๊งจำนำทองปลอม พร้อมฝากเตือนถึงร้านทองให้เพิ่มความรอบคอบในการยืนยันตัวบุคคลที่มาฝากขายทอง

เอกภพ ทองทับ

วันจันทร์ ที่ 5 มิถุนายน 2560, เวลา 17:05 น.

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 5 มิ.ย. ที่ สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.อ.พีระยุทธ การะเจดีย์ รองผบก.ฯ รรท. ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.อ.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสน์ ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต นำตัวนายบุญเทียร ขอนสงเคราะห์ อายุ 43 ปี นายพิสิษฐ์ เสริมทรง อายุ 42 ปี นายอาทิตย์ กองจร อายุ 28 ปี น.ส.คนึงรัตน์ หาญกำแพง อายุ 25 ปี น.ส.สุภาพ ดำดิน อายุ 40 ปี และ น.ส.ประครอง รัตนประทุม อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ตในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง

พร้อมของกลางรถกระบะฟอร์ดสีดำ 1 คัน เงินที่ใช้ในการกระทำความผิดกว่า 1 แสนบาท สร้อยคอคล้ายทองคำ 2 เส้น แหวนคล้ายทองคำ 2 วง พระเครื่องหุ้มกรอบคล้ายทองคำ 1 เหรียญและเสื้อผ้าที่ผู้ต้องสวมใส่ในวันเกิดเหตุอีก 26 รายการ มาสอบสวนปากคำเพิ่มเติมหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าฉัตรไชยจับกุมตัวได้ในที่บริเวณด่านตรวจภูเก็ต ต.ไม้ขาว เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะผู้ต้องหาทั้งหมดกำลังจะขับรถออกจากพื้นที่ จ.ภูเก็ต จากนั้นได้นำตัวส่ง สภ.เมืองภูเก็ต เนื่องจากมีร้านทองที่ตกเป็นผู้เสียหายจำนวน 2 ร้าน และอีก 1 ร้านอยู่ในพื้นที่ ต.ป่าตอง เพื่อสอบปากคำ

พ.ต.อ.พีระยุทธ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. ได้มีคนร้ายนำทองรูปพรรณ (ปลอม) นำไปขายฝากไว้กับห้างทองทิพย์ซึ่งมีทั้งหมด 3 สาขา หลายครั้ง รวมมูลค่ารับฝากขายกว่า 4 ล้านบาท จนกระทั่งเจ้าของร้านทองมาทราบภายหลังว่าเป็นทองปลอม จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ซึ่งมีการบูรณาการระหว่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ที่เกิดเหตุ ได้ขยายผลและติดตามสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามจับกุมตัวแก๊งดังกล่าวมาดำเนินคดี และทราบว่ากลุ่มร้ายเป็นแก๊งเดียวกันกับกลุ่มที่ออกตระเวนก่อเหตุในหลายจังหวัด จนเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ได้มีคนร้ายเป็นหญิงจำนวน 2 คนก่อเหตุในลักษณะเดียวกันที่ร้านทองห้างทองทิพย์ สาขา 2 ถ.พังงา ต.ตลาดใหญ่ โดยใช้รถกระบะฟอร์ดสีดำเป็นยานพาหนะจอดรออยู่หน้า บขส.เก่า ถ.พังงาแล้วหลบหนีไป

จนกระทั่งวันที่ 3 มิ.ย.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่ากลุ่มคนร้ายกำลังจะเดินทางออกจากพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยใช้รถกระบะคันดังกล่าว จึงประสานด่านตรวจภูเก็ตสกัดและตรวจสอบ จนพบกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวพร้อมของกลางในที่สุด ซึ่งยังมีผู้ต้องอีก 1 คนที่กำลังหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

BAAN KRU JAY INTERNATIONAL KINDERGARTEN

โดยผู้ต้องหาทั้งหมดสารภาพว่า ได้ก่อเหตุนำทองรูปพรรณ (ปลอม) มาตระเวนขายฝากในพื้นที่ภูเก็ตจริง ทั้งหมดได้ทำงานกันเป็นทีม โดยจะมีน.ส.สุภาพ หรือนายพิสิษฐ์จะเป็นผู้รับทองปลอมมาจากนายโจ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ในราคาบาทละ 12,000 บาท จากนั้น น.ส.ประครอง หรือ น.ส.คนึงรัตน์ หรือนายบุญเทียร หรือนายอาทิตย์จะเป็นผู้นำทองไปฝากขายตามร้านทองต่างๆ หลังจากนั้นจะนำเงินที่ได้จากการขายฝากมาแบ่งกัน โดยผู้ที่เอาทองรูปพรรณ (ปลอม) ลงไปขายฝากจะได้ส่วนแบ่ง 1,000 บาทต่อน้ำหนักทองคำ 1 บาท

จากการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมทราบว่านอกจากผู้ต้องหา 5 รายแล้ว ยังมีผู้ที่ร่วมก่อเหตุที่นำทองรูปพรรณ (ปลอม) ไปขายฝากอีก 3 ราย คือ น.ส.อุไรวรรณ สะเอียบคง, นายวัชรบดินทน์ วัชโรสินทร์ และนายอานนท์ ปินวงศ์วาน โดยผู้ก่อเหตุทั้งหมดได้ร่วมกันขายฝากทอง (ปลอม) กับห้างทองทองทิพย์สาขา 1 จำนวน 26 ครั้ง รวมเป็นเงินจากการขายฝาก 1,311,500 บาท ห้างทองทิพย์สาขา 2 จำนวน 22 ครั้ง รวมเป็นเงินจากการขายฝาก 1,293,000 บาท และห้างทองทิพย์สาขา 3 ในต.ป่าตอง ทั้งนี้ พ.ต.อ.พีระยุทธ กล่าวว่ายังไม่ได้รับรายงานจากสภ.ป่าตองถึงเรื่องจำนวนครั้งที่ก่อเหตุและจำนวนเงินจากการฝากขายที่แน่ชัด แต่เงินที่ได้รับจากการฝากขายทั้ง 3 สาขาอยู่ที่ประมาณ 3,674,500 บาท

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” และจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ พ.ต.อ.พีระยุทธ การะเจดีย์ ได้ฝากถึงร้านทองทั่วภูเก็ตว่า “เท่าที่ตรวจสอบ การปลอมทองนั้นค่อนข้างจะใกล้เคียงกับของจริงมาก การตรวจสอบทั่วไปจะไม่พบพิรุธใดๆ เหมือนทองแท้ทั้งน้ำหนักและรายละเอียดอื่นๆ จึงทำให้ร้านทองตัดสินใจรับจำนำไว้ ผู้ต้องหาเองก็มีความมั่นใจ เพราะร้านทองเองก็ไม่ค่อยเข้มงวดในการตรวจสอบตัวบุคคล เพราะกรณีนี้ ร้านทองดังกล่าวไม่ได้ตรวจสอบโดยการขอดูบัตรประชาชนใดๆ เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ร้านทองต่างๆเพิ่มความเข้มงวดในการพิสูจน์ตัวบุคคลและเพิ่มความรอบคอบมากขึ้น หากพบว่ามีใครที่นำทองมาขายบ่อยๆครั้ง ครั้งละหลายๆเส้น ก็ควรตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน”

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่