ยุทธศาสตร์ที่ 1 ยกระดับการควบคุมยาสูบของประเทศ โดยผลักดันบังคับใช้กฎหมาย ตามกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบ WHO FCTC ในทุกระดับ
ยุทธศาสตร์ที่ 2 ป้องกันมิให้เกิดผู้เสพยาสูบรายใหม่ และรู้เท่าทันกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมยาสูบ
ยุทธศาสตร์ที่ 3 บำบัดผู้เสพให้เลิกใช้ยาสูบ พัฒนาระบบบริการเลิกยาสูบและสายด่วนเลิกบุหรี่
ยุทธศาสตร์ที่ 4 ควบคุม ตรวจสอบ เฝ้าระวังและเปิดเผยข้อมูลส่วนประกอบ เพื่อวัดสารที่อยู่ในยาสูบและสารที่ปล่อยออกมา
ยุทธศาสตร์ที่ 5 ให้สถานที่สาธารณะและสถานที่ทำงานทุกแห่งปลอดควันบุหรี่
ยุทธศาสตร์ที่ 6 ปรับปรุงโครงสร้างภาษียาสูบและระบบการจัดเก็บภาษียาสูบ รวมถึงมาตรการลดผลกระทบต่อชาวไร่ยาสูบจากมาตรการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ
ซึ่งการควบคุมการบริโภคยาสูบจะส่งผลเชิงบวกในหลายมิติ ทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่เกิดจากโรคที่เกี่ยวข้องกับยาสูบลดลง และลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจในภาพรวม ประชาชนมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และประเทศไทยยังได้รับการยอมรับการเป็นผู้นำการควบคุมยาสูบในระดับประเทศและนานาชาติ
อ่านโพสต์ทูเดย์ คลิก