รู้ทันโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับใหม่

กลายเป็นข่าวฮือฮาในโลกโซเชียล จากกรณีที่มีการโพสต์และแชร์ โครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของใหม่ ที่กรมสรรพสามิตเตรียมประกาศใช้ โดยมีการนำเสนอราคาของเบียร์ สุรา ไวน์ ที่ขยับสูงขึ้นเป็นเท่าตัว

จุฑารัตน์ เปลรินทร์

วันเสาร์ ที่ 11 มีนาคม 2560, เวลา 09:00 น.

ก่อให้เกิดการพูดถึงและวิจารณ์ไปต่างๆนานา จนโยงใยไปถึงขั้นที่ว่ารัฐบาลจัดเก็บภาษีทุกด้าน แต่การบริหารด้านสวัสดิการของรัฐล้มเหลว หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า “รัฐบาลถังแตก” จนต้องมาขูดรีดกับประชาชนผู้บริโภค

ข่าวภูเก็ต ได้สอบถามไปยัง นางสาวจงกลนี บัวทอง สรรพสามิต พื้นที่ภูเก็ต ได้ความว่า ข่าวการปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นเป็นความจริงและให้เหตุผลว่า การปรับโครงสร้างนั้นคำนึงถึงความเหมาะสมของสภาพสังคมปัจจุบัน และเหนือสิ่งอื่นใด กรมสรรพสามิต ให้ความสำคัญของ ‘สุขภาพ’ ประชาชนเป็นที่หนึ่ง

“จากข้อมูลที่แชร์กันอย่างแพร่หลายบนโซเชียลเกี่ยวกับราคาสุราที่มีการปรับเพิ่มขึ้นนั้น เราขอเรียนว่า มันคือการปรับโครงสร้างของภาษี โดยกรมสรรพสามิตได้คำนึงถึงบริบทของสังคม และสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นไปในปัจจุบัน” นางสาวจงกลนี กล่าว

“เดิมทีกรมสรรพสามิตมีกฎหมายสรรพสามิตกว่า 7 ฉบับ ซึ่งฉบับที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันคือฉบับปี พ.ศ. 2493 จะเห็นได้ว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวมีความล้าหลัง และร่างประมวลกฎหมายภาษีสรรพสามิตที่จะมีผลบังคับใช้ในปีนี้ ทางกรมฯได้รวมกฎหมายให้เหลือเป็นฉบับเดียว เพื่อสะดวกในการบังคับใช้ และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้เสียภาษี โดยการเปลี่ยนการจัดเก็บภาษีจากราคาหน้าโรงงานมาเป็นจัดเก็บจากราคาปลีก โดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพื่อให้เป็นราคาเดียว”

กรมสรรพสามิตได้ชี้แจงกรณีนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า ในร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 (ร่าง พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิตฯ) ระดับอัตราภาษีสรรพสามิตสุราได้ถูกปรับให้สอดคล้องกับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในอนาคต เพื่อให้เป็นภาษีที่เหมาะสมในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า นางสาวจงกลนี กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ อัตราภาษีที่จะจัดเก็บจริง จะถูกกำหนดไว้ในกฎหมายลำดับรองอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างกฎหมายลำดับรอง อย่างไรก็ดีร่าง พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิตฯ ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น
กล่าวคือ โดยเพิ่มภาระภาษีตามปริมาณแรงแอลกอฮอล์ให้สูงขึ้นกว่าภาระภาษีตามมูลค่า

สัดส่วนรายได้ภาษีสรรพสามิตสุราจะมาจากภาระภาษีตามปริมาณแรงแอลกอฮอล์มากขึ้น โดยสุราที่มีราคาถูกและมีแรงแอลกอฮอล์ที่สูง จะต้องมีภาระภาษีที่สูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สุราที่มีราคาสูงจะต้องมีภาระภาษีตามมูลค่าเพื่อสะท้อนถึงความฟุ่มเฟือยควบคู่ไปกับภาระภาษีตามปริมาณแรงแอลกอฮอล์เพื่อสะท้อนถึงหลักสุขภาพเป็นสำคัญ

ในส่วนของข่าวที่ออกมาว่า ‘รัฐบาลถังแตก’ ทางกรมสรรพสามิต ก็ได้ยืนยันว่า “ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย โดยรัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 724,017 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 15,401 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.2 นอกจากนี้ในช่วงสิ้นเดือนมกราคม 2560 รัฐบาลยังคงมีเงินคงคลังอยู่ในระดับสูงกว่า 80,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสม และสามารถรองรับการใช้จ่ายของรัฐบาลได้ตามปกติ” ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลไม่ได้ถังแตกตามที่มีการแชร์บนโลกโซเชียลแต่อย่างใด

ขณะเดียวกันนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้ชี้แจงและยืนยันถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นการคำนวณจากเพดานจัดเก็บภาษีสูงสุด แต่การจัดเก็บภาษีจริงจะไม่สูงตามเพดานนั้น ส่วนจะจัดเก็บจริงเท่าไหร่นั้น จะต้องกำหนดอีกครั้งหนึ่ง และได้ย้ำว่าจะดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาระผู้ประกอบการ และประชาชน อย่างแน่นอน

“พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตใหม่จะทำให้การเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการภายใน และนอกประเทศมากขึ้น ซึ่งจะทำให้การเก็บภาษีของกรมเพิ่มขึ้น แต่ก็จะมีการพิจารณาลดอัตราภาษีหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ เพื่อไม่ให้ภาระภาษีของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น และผลักภาระไปให้ผู้บริโภคตามนโยบายของรัฐบาลตั้งแต่เห็นชอบให้ดำเนินการออกกฎหมายครั้งนี้” นายสมชาย กล่าว

“หัวใจของภาษีสรรพสามิตรใหม่คือ เพื่อความเป็นธรรม โปร่งใส ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ไม่เพิ่มภาระให้ประชาชน ผู้ประกอบการจะขึ้นราคาสินค้าด้วยเหตุผลว่าภาษีเพิ่มขึ้นไม่ได้”

จากรายงานถาม-ตอบ ของกรมสรรพสามิต ระบุว่า เมื่อพิจารณาสุราทั้ง 3 ประเภท จากแรงแอลกอฮอล์หรือปริมาณแอลกอฮอล์ในน้ำสุราโดยทั่วไปแล้ว พบว่า สุรากลั่นจะมีดีกรีประมาณ 28-45 ดีกรี เบียร์ 3-7 ดีกรี และไวน์ 13-17 ดีกรี ตามลำดับ ดังนั้นในการกำหนดอัตราภาษีใหม่เพื่อมุ่งเน้นหลักสุขภาพ เบียร์และไวน์ซึ่งมีแรงแอลกอฮอล์ในระดับที่ต่ำกว่าสุรากลั่นจึงมีเพดานอัตราภาษีตามปริมาณที่สูงขึ้นเพื่อให้ภาระภาษีสะท้อนแรงแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่สุรากลั่นซึ่งมีปริมาณแอลกอฮอล์หรือแรงแอลกอฮอล์ในระดับสูงอยู่แล้วจะมีเพดานอัตราภาษีตามปริมาณในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเบียร์และไวน์

จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่าสุราแช่ประเภทเบียร์และไวน์ จะมีอัตราภาษีตามปริมาณเพิ่มขึ้นจาก 300 และ 2,000 บาท ต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์เป็น 3,000 บาท ต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ของสุราแช่ทุกประเภท และได้ปรับอัตราภาษีตามมูลค่าลงจากเดิมคือสุราแช่มีอัตราภาษีตามมูลค่าที่ร้อยละ 60 และอัตราภาษีตามมูลค่าของสุรากลั่นที่ร้อยละ 50 ปรับเป็นอัตราภาษีตามมูลค่าใหม่ของสุราแช่และสุรากลั่นในอัตราร้อยละ 30

ทั้งนี้ เพื่อให้โครงสร้างภาษีสุราใหม่มีความเรียบง่าย จึงจำเป็นต้องลดจำนวนรประเภทของอัตราภาษีตามมูลค่าและตามปริมาณลง ในขณะที่จากเดิมสุรากลั่นมีอัตราภาษีตามปริมาณที่ 400 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ปรับเป็น 1,000 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ซึ่งสุรากลั่นมีการปรับอัตราภาษีตามปริมาณเพิ่มขึ้นมากกว่าสุราแช่ กล่าวคือสุรากลั่นเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า ในขณะที่สุราแช่เพิ่มขึ้น 0.5 เท่า

นอกจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพดานแล้ว ร่าง พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิตฯ ยังมีการเปลี่ยนฐานภาษีตามมูลค่าจากราคาขายส่งช่วงสุดท้ายไปสู่ราคาขายปลีกแนะนำ โดยมีเป้าหมายเพื่อการสร้างความโปรางใส และเป็นธรรม ในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ทั้งนี้เมื่อมีการเปลี่ยนฐานภาษีจำเป็นต้องมี การคำนวณอัตราภาษีเพื่อให้สอดคล้องกับฐานใหม่ โดยกำหนดเป้าหมายให้รายได้ภาษีสรรพสามิตคงที่อยู่ในระดับเดิมจากค่าเฉลี่ย (Revenue Neutral) ในวันที่ พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิตใหม่มีผลบังคับใช้

จากข้อสงสัยที่ว่า การปรับเพิ่มภาษีเป็นอัตราที่สูงเกินไป อาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการสถานบันเทิงและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง

กรมสรรพสามิต ชี้แจงว่า การขยายอัตราเพดานภาษีสรรพสามิตสุราดังกล่าวข้างต้น เป็นเพียงอัตราเพดานขั้นสูงสุด (Ceiling rate) สำหรับอัตราภาษีที่จะจัดเก็บจริง (Effective rate) ยังอยู่ในช่วงดำเนินการ และจะต้องนำเสนอใน ครม. พิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง ก่อนนำมาประกาศใช้ ดังนั้นการกำหนดเพดานภาษีดังกล่าว (Ceiling rate) จะไม่กระทบต่อกิจการสถานบันเทิงและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มีนโยบายให้ปรับอัตราภาษีสรรพสามิตที่จะจัดเก็บจริง (Effective rate) ภายใต้ร่าง พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิตใหม่นี้ โดยจะต้องไม่เพิ่มภาระภาษีต่อผู้ประกอบการและประชาชน ทั้งนี้ ระดับอัตราเพดานภาษีสุราดังกล่าวได้ถูกปรับให้สอดคล้องกับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในอนาคต เพื่อให้เป็นเพดานภาษีที่เหมาะสมในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า

นางสาวจงกลนี กล่าวเพิ่มเติมว่า ร่าง พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิตฯ ดังกล่าว ได้รับการอนุมัติจาก คณะรัฐมนตรี(ครม.) แล้ว และได้ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ใน 180 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ วันที่ 1 สิงหาคม 60 นี้

“ต้องทำความเข้าใจว่าภาษีสรรพสามิต คือภาษีที่จัดเก็บสินค้าที่เกินความจำเป็นในชีวิตประจำวัน หรือสินค้าฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองต่างๆ”

“เหนือสิ่งอื่นใด อยากฝากให้ทุกท่านตระหนักว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ทำลายสุขภาพและเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ กรมสรรพสามิตเองมุ่งเน้นควบคุมกำกับการบริโภคให้จำกัดในเรื่องของดีกรี เพื่อสุขภาพของผู้ดื่มสุรา รายได้จากการจัดเก็บภาษี กรมสรรพากรเองได้ทำงานร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ และขอยืนยันว่ากรมจะทำการจัดเก็บภาษีตามจริง และในฐานที่รับได้ ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน หากท่านใดที่รักสุขภาพ ขอแนะนำว่าไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะไม่มีความจำเป็นและทำให้เสียสุขภาพอยู่แล้ว แต่หากผู้บริโภคหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรบริโภคอย่างมีสติ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตนเอง และผู้อื่น”

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่