ส.ป.ก.ภูเก็ต ยึดที่ดิน 69 ไร่คืนรัฐ

โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารบก กรมทหารราบที่ 25 กองทัพภาคที่ 4 และเจ้าหน้าที่ทหารเรือทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ป่าตองรวมประมาณ 20 นาย เข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้

เอกภพ ทองทับ

วันพฤหัสบดี ที่ 9 มีนาคม 2560, เวลา 16:52 น.

ส.ป.ก.ภูเก็ต ร่วมทหาร ตำรวจ เข้าติดป้ายประกาศยึดคืนที่ดิน 69 ไร่บริเวณรอยต่อหาดไตรตรังและหาดพาราไดซ์ หลังศาลฏีกาพิพากษาให้ผู้ได้รับสิทธิ์รายแรกขาดคุณสมบัติ แต่ระหว่างประกาศบังคับคดีมีผู้ร้องอ้างสิทธิ์เพิ่ม 1 ราย ครอบครอง 20 ไร่ แต่ศาลฎีกายกคำร้อง ส.ป.ก.ให้เวลา 30 วันออกจากพื้นที่

วันนี้ ( 9 มี.ค.) เจ้าหน้าที่สำนักงานการปฏิรูปทีดินจังหวัดภูเก็ต ( ส.ป.ก.ภูเก็ต) นำโดย นายสุทธวัชร นาคสวาท นิติกรชำนาญการ พร้อมเจ้าหน้าที่ นำป้ายและเอกสาร ประกาศของสำนักงาน ปฏิรูปทีดินจังหวัดภูเก็ต เรื่องห้ามบุกรุกที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ไปติดภายในบริเวณที่ดินรอยต่อหาดไตรตรังและหาดพาราไดซ์ ถ.หมื่นเงิน ต.ป่าตอง เพื่อแสดงให้ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ สปก.ที่มีการยึดคืน และห้ามบุกรุก โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารบกนำโดย พ.อ. อายุพันธุ์ กรรณสูต เสนาธิการ กรมทหารราบที่ 25 กองทัพภาคที่ 4 และเจ้าหน้าที่ทหารเรือทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ป่าตองรวมประมาณ 20 นาย

นายสุทธวัชร กล่าวว่า จากการเข้าในพื้นที่พบมีการกั้นรั้วประตูทางเข้า และติดป้ายเป็นที่ดินส่วนบุคคล มีคนดูแลบริเวณทางเข้า 1 คน ทราบชื่อภายหลังว่านายไพโรจน์ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวพร้อมชี้แจงว่าจะเข้าติดป้ายประกาศ เบื้องต้นนายไพโรจน์ กล่าวว่า ได้มาดูแลให้กับนาย สมปอง สกุลทับ ซึ่งอ้างเอกสารสิทธิ์ สค.1 จนท.จึง ให้ประสานผู้อ้างสิทธิ์ ก่อนเข้าติดประกาศ ในพื้นที่ โดยพบภายในด้านที่ติดถนน เป็นบ้านพักอาศัย ถาวร 1 หลัง เพิงพัก 1 หลัง โรงจอดรถ อีกด้านริมหน้าผาเป็น ซีวิวมองเห็นทะเล มีการปลูกต้นปาล์มและตัดถนน ลงไปริมเขา และก่อสร้างเป็นจุดพักและถ่ายภายให้บริการนทท. โดยพบว่ามีนทท.ขับรถจยย.เข้า-ออกพื้นที่หลายราย

ทั้งนี้นายสุทธวัชร ได้ชี้แจงว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นพื้นที่ ส.ป.ก.4 - 01 ก. ที่มีการจัดสรรให้ประชาชน เดิมทีมีนาย บันลือ ตันติวิท ครอบครองตามสิทธิ์ ส.ป.ก. ในเนื้อที่ประมาณ 69 – 0-70 ไร่ ต่อมาทาง ส.ป.ก.ภูเก็ต ได้ยื่นฟ้องเนื่องจากตรวจสอบพบว่านาย บันลือ ขาดคุณสมบัติตามสิทธิ์ ส.ป.ก. จึงยื่นฟ้องร้องก่อนที่จะถึงศาลฏีกา และมีคำพิพากษาให้จำเลย และบริวารออกจากที่ดิน (แปลงเลขที่ 2 กลุ่มที่ 71 ) และเข้าสู่ขั้นตอนการติดประกาศตามขั้นตอนของบังคับคดี โดยจะให้ผู้ที่ไม่ใช่บริวารของจำเลยยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษภายในเวลาที่กำหนด

ต่อมานายสมปอง ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ประกาศของเจ้าพนักงานบังคับคดี ไม่มีผลถึงที่ดินที่ผู้ร้องครอบครอง และผู้ร้องไม่ใช่บริวารของจำเลย โดยนายสมปองอ้างในคำร้องว่าที่ดินของตนเองอยู่นอกที่ดินส.ป.ก. ของนายบันลือ เพื่อขอให้ศาลวินิจฉัย

จากนั้นศาลฏีกาได้พิจารณาคำร้องของนายสมปอง โดยพบว่าที่ดินของนายสมปอง อยู่ในเขตที่ดิน ส.ป.ก.และทับที่ดินของนายบันลือที่ศาลตัดสินไปแล้ว และนายสมปองไม่มีหลักฐานมาหักล้าง จึงส่งผลให้ฏีกาของนายสมปองจึงไม่เป็นสาระให้วินิจฉัย ศาลฯจึงยกคำร้อง

ดังนั้นทาง สำนักงานการปฏิรูปทีดินจังหวัดภูเก็ต( ส.ป.ก.ภูเก็ต)จึงออกประกาศ ว่าที่ดินพิพาทแปลงดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ ส.ป.ก.ตามมาตรา 36 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2519 บุคคลหรือผู้ใด จึงมิอาจอ้างสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าวได้ และห้ามมิให้บุคคลหรือผู้ใดบุกรุกที่ดิน มิฉะนั้น ส.ป.ก.ภูเก็ตจะดำเนินคดีตามกฏหมายเด็ดขาด
ทั้งนี้หลังการติดประกาศดังกล่าวจะให้เวลาผู้ที่ทำประโยชน์ในการดำเนินการรื้อถอนหรือออกจากพื้นที่ตามประกาศในเวลา 30 วัน

อย่างไรก็ตามในส่วนของทนายความของนายสมปอง ซึ่งเดินทางมาสังเกตุการณ์ ก็กล่าวเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวว่า สำหรับที่ดินดังกล่าวนั้นนายสมปองได้อาศัยทำประโยชน์มานานก่อนการประกาศส.ป.ก. และมีหลักฐานครอบครองตาม ส.ค.1 เป็นเนื้อที่ประมาณ 22 ไร่เศษ ซึ่งนายสมปองนั้นยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกพื้นที่ ส.ป.ก. และมีหลักฐานยืนยันได้คือ ต้นไม้ หลายประเภท ทั้งต้นมะม่วง ที่มีอายุหลายสิบปี ซึ่งแสดงถึงการใช้ประโยชน์ โดยขณะนี้สค.1 ฉบับดังกล่าวก็อยู่ระหว่างการยื่นของออกโฉนดกับกรมที่ดิน

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่