จากกรณี นางมาย อายุ 66 ปี ชาว อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก และนางบังเอิญ อายุ 68 ปี ชาว อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย ได้กินเม็ดกระท้อนเข้าไปจนแทงลำไส้ใหญ่ทะลุ ทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องท้องและในกระแสเลือด มาเข้ารับการผ่าตัดและรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู โรงพยาบาลศรีสังวรสุโขทัย อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย
ล่าสุดนางบังเอิญ อายุ 68 ปี ซึ่งกินเม็ดกระท้อนเข้าไป 4 เม็ด ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อคืนวันที่ 10 มิถุนายน ส่วนนางมาย ซึ่งกลืนเม็ดกระท้อนเข้าไป 2 เม็ดอาการยังไม่พ้นขีดอันตราย แพทย์เฝ้าดูอาการใกล้ชิด
นพ.พรชัย สินคณารักษ์ แพทย์เจ้าของไข้ เปิดเผยว่า ผู้ป่วยที่ลำไส้ใหญ่ทะลุ อาการจะรุนแรงมาก รุนแรงยิ่งกว่าไส้ติ่งแตกหลายเท่า เพราะมีการติดเชื้อ มีโอกาสเสียชีวิตได้ และแพทย์จะพบผู้ป่วยในลักษณะนี้ 3-5 รายทุกปี จึงฝากเตือนให้เลิกกิน เพราะเม็ดกระท้อนมีส่วนที่แหลมคมทำให้แทงลำไส้ทะลุจนเกิดการติดเชื้อเสี่ยงเสียชีวิตได้
ด้าน นพ.เกรียงศักดิ์ คำอิ่ม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีสังวรสุโขทัย กล่าวว่า การกินเม็ดกระท้อนนั้นมีอันตรายถึงชีวิต เพราะเม็ดมีความแข็งแหลมคม โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีภาวะลำไส้ทำงานไม่ค่อยดี ทำให้ลำไส้ทะลุจนติดเชื้อในช่องท้องและในกระแสเลือด เสี่ยงเสียชีวิตได้ จึงขอฝากเตือนให้เลิกกิน นอกจากนี้ ก็ยังเคยพบผู้ป่วยที่ชอบกินขนุนในปริมาณมากๆ จนทำให้ลำไส้อุดตันและทะลุได้อีกด้วย โชคดีไม่เสียชีวิต แพทย์ช่วยรักษาไว้ได้ทัน