หนุ่มสุรินทร์ร้องศูนย์ดำรงธรรม ขอช้างที่ถูกขโมย 14 ปีที่แล้วคืน

สองหนุ่มใหญ่เมืองสุรินทร์น้ำตาไหลพราก ตามหาช้างของครอบครัวที่พลัดพรากกว่า 14 จนพบแต่เอาคืนไม่ได้ เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมช่วยเหลือ

เอกภพ ทองทับ

วันศุกร์ ที่ 24 มีนาคม 2560, เวลา 12:09 น.

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา(24 มี.ค.60) ที่ศูนย์ดำรงธรรม ภายในศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายวัน เรียงเงิน อายุ 70 ปี และ นายสมศักดิ์ เรียงเงิน อายุ 35 ปี พี่ชายและน้องชาย ของนายชอบ เรียงเงิน อายุ 58 ปี ชาวจ.สุรินทร์ เจ้าของพังโย ช้างพังอายุประมาณ 50 ปี ซึ่งถูกคนร้ายขโมยมาจากพื้นที่ จ.กระบี่เมื่อปี 2546 ( 14 ปีก่อน) เข้าพบเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต เพื่อขอความขอความช่วยเหลือ หลังสืบทราบว่าช้างพังดังกล่าวอยู่ที่ปางช้างแห่งหนึ่งใน ต.ฉลอง อ.เมือง แต่หลังเจรจาและไม่สามารถนำช้างคืนได้เนื่องจากเจ้าของปางอ้างว่าซื้อต่อมาในราคาสูง

นายวัน ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ตว่า พังโย เป็นช้างของน้องชายคือนายชอบ จดตั๋วรูปพรรณช้างเมื่อเดือน ก.ค.2544 ที่ จ.สุรินทร์ และนำช้างมาทำงานกับปางช้างในพื้นที่ จ.ภูเก็ต-พังงา และในปี 2546 ได้นำพังโยไปทำงานที่ปางช้างแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.กระบี่ โดยในขณะนั้นพังโยกำลังตั้งท้อง หลังเสร็จงานประจำวันได้นำไปผูกไว้ในป่าใกล้ๆกับปางช้าง รุ่งเช้ากลับไม่พบช้างพังโยแล้ว พบเพียงรอยยางรถเข้ามาจอดบริเวณที่ผูกช้างไว้และได้ติดตามช้างโยมาตลอด 14 ปี

จนล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีพลเมืองดีส่งภาพพังโยมา เพื่อตรวจสอบตำหนิรูปพรรณว่าใช่หรือไม่ จากภาพแน่ชัดว่าเป็นพังโย จึงเดินทางมายัง สภ.ฉลอง เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึง เจ้าหน้าที่ทหารเรือจากฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 และเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ เข้าตรวจสอบตั๋วรูปพรรณช้างและตรวจเลขไมโครชิพช้าง ซึ่งตั๋วรูปพรรณของตนเองที่นำมาด้วยนั้นเป็นตั๋วรูปพรรณที่ทำไว้เมื่อประมาณปี 2544 ที่จังหวัดสุรินทร์ ก่อนที่ช้างจะหาย

โดยระบุ ชื่อพังโย มีตำหนิที่ขาหลังช้างทั้งสองข้าง ซึ่งมีรอยเชือกรัด ซึ่งคาดว่าเป็นตัวเดียวในโลกเลยก็ว่าได้ และไมโครชิพในตั๋วระบุ เลขที่ 121675455 จากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือตรวจเลขไมโครชิพ พบว่าตรงกัน เครื่องตรวจแจ้งระบุเลขเดียวกัน รวมถึงตนเองมีภาพพังโยก่อนจะหายไปเมื่อประมาณ 14 ปีที่ผ่านมา มาแสดงด้วย

Berda Claude International School of Phuket (BCIS)

ส่วนตั๋วรูปพรรณของปางช้างที่มาแสดงระบุ ว่าชื่อพังน้ำเพชร มีตำหนิเดียวกัน แต่เลขไม่โครชิพระบุ เป็นเลขที่ 121675544 ซึ่ง 3 ตัวหลังคลาดเคลื่อน รวมถึงระบุขอออกตั๋วฯที่จังหวัดหนึ่งในภาคใต้ มั่นใจว่าเป็นช้างของตนเอง 100 เปอร์เซ็นต์

และจากการพูดคุยกับเจ้าของปางช้างทราบว่า ได้ซื้อพังโย หรือพังน้ำเพชรมาในราคา 1.4 ล้านบาท จากเจ้าของก่อนเดิม จึงเป็นเรื่องยากที่จะมอบคืนให้ โดยเจ้าของปางระบุว่าให้ไปฟ้องร้องเอา แต่ตนเองไม่อยากให้เป็นเรื่องราว เพียงแต่ต้องการช้างของครอบครัวคืนเท่านั้น และหากได้คืน ยินดีที่ไม่เอาความใดๆกับเจ้าของปาง แต่ถ้าไม่สามารถคืนช้างให้ได้ ตนเองก็ต้องแจ้งความดำเนินคดีตามช่องทางเพื่อเอาช้างคืนมาให้ได้

ทั้งนี้เบื้องต้นในส่วนของเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมได้ให้ทั้งสองเขียนคำร้องและมอบหลักฐานต่างๆไว้ที่ศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต ก่อนนัดหมายทั้งสองให้มาพบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปศุสัตว์ และอำเภอเมืองภูเก็ต ในเวลาประมาณ 13.00 น. เพื่อลงพื้นที่เจรจากับปางช้างอีกครั้ง

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่