ในแถลงการณ์ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ขยายวงสู่หลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวการเดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ตอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ลุกลามไปยังหลายประเทศในยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต
การประเมินความสูญเสียทางเศรษฐกิจในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคม รวมกว่า 54,200 ล้านบาท
สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตได้ประเมินตัวเลขการสูญเสียทางเศรษฐกิจ โดยใช้สมมติฐานตัวเลขเปรียบเทียบจากจำนวนนักท่องเที่ยวรวมที่เกิดขึ้นในปี 62 สามารถประเมินได้ว่าในเดือน ก.พ.63 เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยตรงอย่างน้อยประมาณ 24,500 ล้านบาท และส่งผลต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งระบบอีกอย่างน้อย 18,960 ล้านบาท (โดยไม่ได้นับรวมการสูญเสียจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์)
การสูญเสียทางเศรษฐกิจในเดือนมี.ค.63 น่าจะสูงกว่าประมาณการในเดือนก.พ. 63 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ขยายไปจนทั่วทวีปยุโรป และจำนวนผู้ติดเชื้อได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และอย่างรวดเร็ว โดยทางสมาคมประเมินว่าจะเกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยตรงอย่างน้อยประมาณ 29,700 ล้านบาท และส่งผลต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งระบบอีกอย่างน้อย 20,960 ล้านบาท (โดยไม่ได้นับรวมการสูญเสียจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์)
ทั้งนี้ ภาคเอกชนภูเก็ตได้ประเมินว่า หากปริมาณผู้ติดเชื้อในประเทศจีนลดลง และสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ นักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางกลับมาในปลายเดือนกรกฎาคม โดยคาดการณ์จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางร้อยละ 50 ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว และน่าจะเริ่มเดินทางอย่างเป็นปกติในช่วงวันชาติจีนในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนนักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ เช่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน น่าจะเห็นสัญญานการฟื้นตัวในระยะเวลาใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนภูเก็ตได้กล่าวถึงความท้าทายของแนวโน้มการท่องเที่ยวในอนาคต ว่าไม่ใช่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาในช่วงเวลาใด แต่เป็นประสิทธิภาพในการควบคุมการระบาดในประเทศให้เกิดขึ้นน้อยที่สุดได้หรือไม่ เพราะต่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติพร้อมจะเดินทางกลับมา แต่เกิดการระบาดภายในประเทศไทย ย่อมไม่มีนักท่องเที่ยวชาติไหนจะเดินทางเข้ามา และผลกระทบด้านภาพลักษณ์ของประเทศจะต้องอาศัยเวลาและทรัพยากรในการแก้ไขมากกว่าการระงับไม่ให้นักท่องเที่ยวกลุ่มเสี่ยงเข้ามาในช่วงนี้