นายพัทธนันท์ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากทางสมาคมได้รับจดหมายเชิญให้เข้าประชุม เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่แขวงทางหลวงภูเก็ตจัดประชุม เพื่อหารือรูปแบบโครงการ การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างสะพานกลับรถต่างระดับ ทางหลวงหมายเลข 402 ตอน หมากปรก-เมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตที่ กม.39 + 810.400 (แยกบ้านหยี่เต้ง) เพื่อคัดเลือก รูปแบบจุดกลับรถที่เหมาะสมของโครงการ และตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และพบว่าการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ดำเนินการโดยนำโครงการในอนาคต มารวมกับโครงการก่อสร้างที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทำการศึกษาเป็นเหมือนโครงการเดียวกัน
“ดังนั้น ทางสมาคมฯ จึงเห็นควรให้แยกเล่ม EIA ออกเป็น 2 เล่ม คือ ในส่วนของสะพานกลับรถต่างระดับ ขากลับเข้าเมือง เป็นโครงการที่มีสถานะอยู่ระหว่างก่อสร้างตามสัญญาก่อสร้าง โดยมี หจก.ซีซีจักรกลก่อสร้าง เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค. 59 และมีผลการดำเนินโครงการไปแล้ว 4.35% และเล่มที่ 2 เป็นในส่วนของสะพานกลับรถขาออกนอกเมือง ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการตั้งงบก่อสร้างใด ๆ”
โดยนายพัทธนันท์ ให้เหตุผลว่า ทางสมาคมมีมติว่า หากไม่แยกการศึกษาออกเป็น 2 ส่วน ในกรณีมีความล่าช้า เนื่องจากเหตุของที่กลับรถอันใดอันหนึ่ง จะส่งผลให้การก่อสร้างของอีกตัวกระทบไปด้วย หากจุดกลับรถขาออกนอกเมือง ไม่ได้รับความเห็นชอบ EIA จะทำให้จุดกลับรถขาเข้าเมืองไม่ได้รับความเห็นชอบไปด้วย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเสียหายในหลายฝ่ายได้
ด้านนายสมหวัง อธิบายว่า "ในส่วนของตัวสะพานกลับรถหยี่เต้ง ออกแบบมาเป็นสัญญาเดียวกัน ซึ่งมีความยาวประมาณ 500 กว่าเมตร หากเราแยกตามที่ทางสมาคมเสนอมา เราต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด และเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราก็ได้ทำการโหวตเลือก และจากข้อมูลที่ได้รับมาจุดกลับรถน่าจะต้องเป็นแบบแนวราบ ตามมติที่ประชุม เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา" (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
สำหรับปัญหาการเวนคืนที่ดิน ผอ.แขวงทางหลวงภูเก็ต ยืนยันว่า ขณะนี้ได้มีพระราชกฤษฎีกา ให้ไว้ ณ วันที่ 8 ต.ค. 61 กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนทั้ง 2 จุด เพื่อขยายทางหลวงหมายเลข 402 (แยกมุดดอกขาว และ แยกหยี่เต้ง รวมงบประมาณจุดกลับรถทั้ง 2 จุด 200 ล้านบาท) เพื่อเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด
“เดิมเราศึกษาแบบยกระดับ แต่เราได้รับเสียงโหวตจากชาวบ้านให้เป็นแบบพื้นราบ และตอนนี้เราก็ได้เสนอทางบริษัทที่ปรึกษาแล้ว เพื่อทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อไป ในขณะเดียวกันเราก็จะดำเนินการเรื่องเวนคืนที่ดินควบคู่กันไปด้วย ซึ่งเราไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ว่าจะสามารถเริ่มสร้างได้เมื่อใด แต่ตามกระบวนการน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี”
“ถ้าเป็นในรูปแบบเดิมจะขยายออกไปข้างละ 10 เมตร และเมื่อก่อนเราใช้วิธีปรองดอง คือพูดคุยกับทางเจ้าของที่ดินจำนวน 6 รายว่าจะยินยอมหรือไม่ ซึ่งเมื่อเจ้าของที่ไม่ยินยอม เราก็ดำเนินการในรูปแบบขอออกเป็นพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน เพื่อเป็นการบังคับทางกฎหมาย โดยในรูปแบบใหม่(จุดกลับรถพื้นราบ) เราต้องขยายพื้นถนนออกไปข้างละ 15 เมตร เป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร” นายสมหวัง อธิบาย
“ทันทีที่เราได้พื้นที่มา ทางผู้รับจ้างก็สามารถดำเนินการได้เลย แต่อย่างไรก็ตามระยะเวลาการเวนคืนอาจจะต้องใช้เวลานาน หากทางเจ้าของที่ดินไม่ยินยอม และเราก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป” นายสมหวัง กล่าว
