นายณรงค์ กล่าวว่า “การประชุมวันนี้เป็นการร่วมกันหารือแนวทางในการกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ที่กำลังซบเซาอย่างหนัก จากการแพร่ระบาดโควิดระลอก 2 ซึ่งทางภาคเอกชนภูเก็ตที่ได้เข้าร่วมประชุมในวันนี้ ได้นำเสนอแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่านแนวทาง “ภูเก็ตโมเดล” รอบใหม่ เพราะภาคเอกชนมองว่า หากปล่อยให้เป็นไปในสภาพเป็น คือ เปิด ๆ ปิด ๆ ล็อกดาวน์ประเทศ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไม่สามารถที่จะเดินต่อไปได้ ภูเก็ตได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดในรอบสองนี้ นักท่องเที่ยวคนไทยไม่มาเพราะต้องการกักตัว รวมไปถึงขั้นตอนต่าง ๆ ที่ยุ่งยาก ส่วนต่างชาติไม่ต้องพูดถึง ยังไม่มาในขณะนี้อยู่แล้ว และคาดหวังว่าต่างชาติจะเริ่มมาภูเก็ตในช่วงปลายปี ดังนั้นขณะนี้ต้องพึ่งพาคนไทยด้วยกัน”
“โมเดลที่เอกชนภูเก็ตเสนอต่อที่ประชุม คือ ภูเก็ตจะเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในช่วงปลายปีนี้ ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่จะถึงนี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงไฮซีชั่น นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเข้ามาภูเก็ตได้ จะต้องผ่านการฉีดวัคซีนแล้วเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่นำเชื้อมาแพร่ระบาดที่ภูเก็ต และคนภูเก็ตจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนร้อยละ 70 ของประชากรในภูเก็ต เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจว่าประชาชนชาวภูเก็ตปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19 เช่นกัน รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะมีระบบติดตามตัวและมีจัดตั้งกองทุนโดยคิดจากนักท่องเที่ยว เพื่อนำมาเยียวยาให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบหากมีการติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามา ซึ่งวัคซีนที่จะนำมาฉีดให้กับคนภูเก็ตนั้น จะเป็นวัคซีนจัดซื้อโดยรัฐบาล การจัดซื้อขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจากการจัดซื้อของภาคเอกชน หากรัฐบาลไฟเขียวอนุญาตให้จัดซื้อได้” นายณรงค์ กล่าว
นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า “วัคซีนถือว่าเป็นตั๋วใบสุดท้ายและเป็นความหวังสุดท้ายของท่องเที่ยวภูเก็ต เพราะท่องเที่ยวภูเก็ตไม่มีทางออกแล้วในขณะนี้ คนไทยก็ไม่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้หลังการแพร่ระบาดในรอบสอง ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นไม่ต้องพูดถึงเลย วัคซีนจึงเป็นความหวังของภาคการท่องเที่ยวภูเก็ต ในการที่จะฟื้นฟูท่องเที่ยว”
“โดยภาคเอกชนในภูเก็ตได้ร่วมกันหารือและคิดว่าแนวทางที่จะส่งเสริมและทางออกในการดึงคนมาเที่ยวภูเก็ต ที่เป็นคนต่างชาติ คือ วัคซีน ที่ขณะนี้สามารถผลิตได้แล้วจากหลายประเทศและเริ่มฉีดกันแล้วในหลายประเทศสำหรับโมเดลด้านการท่องเที่ยวต่อจากนี้ของภูเก็ตในส่วนของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เอกชนมองว่ามีความเป็นไปได้ คือ กำหนดที่จะเปิดรับต่างชาติเข้ามาในเดือนตุลาคมนี้ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงไฮซีชั่นในปลายปี ซึ่งในส่วนเดือนตุลาคมเป็นวันชาติจีน เท่าที่ทราบขณะนี้ทางการจีนให้คนจีนเดินทางท่องเที่ยวยังเมืองที่ปลอดภัยได้ ที่คาดว่าจะมีคนจีนมาท่องเที่ยวอย่างแน่นอนหากเขาเชื่อมั่นว่าเราปลอดภัย และกำหนดว่านักท่องเที่ยวที่จะเข้าภูเก็ตได้นั้นจะต้องเป็นคนที่ฉีดวัคซีนโควิดแล้วเท่านั้น”
คนภูเก็ตต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อยรอยละ 70 ของประชากรทั้งหมด เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจสำหรับนักท่องเที่ยว
“คนภูเก็ตจะต้องได้รับวัคซีนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของประชากร ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจทั้งคนภูเก็ตและนักท่องเที่ยวที่เข้ามา ว่าจะไม่มารับเชื้อไปจากภูเก็ต และคนภูเก็ตจะได้เกิดความมั่นใจว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะไม่นำเชื้อมาแพร่ระบาดอีก “ภาคเอกชนอยากได้ความชัดเจนจากรัฐบาลว่าแนวทางที่เราคิดนั้น สามารถทำได้ไม่ เพราะหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ เปิดๆ ปิดๆ ล็อกดาวน์ ไปเรื่อยๆ อย่างที่ผ่านมา ผู้ประกอบการจะตายกันหมดแล้ว และอยากได้ความชัดเจนในเร็วๆนี้ เพื่อที่จะได้ทำตลาดตั้งแต่เนิ่น ๆ อย่างน้อย 2-3 เดือน” นายภูมิกิตติ์ กล่าว
“สำหรับตลาดคนไทยนั้น หายไปเกือบทั้งหมดจากการแพร่ระบาดในรอบสอง ซึ่งทางภาคเอกชนได้พูดไว้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่าเราพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทางราชการในทุกเรื่อง ตั้งแต่วันแรกที่เราพบคนติดเชื้อ จนถึงวันนี้ภูเก็ตเราปลอดเชื้อมาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ประกอบทาง ศบค.เองก็ได้ผ่อนคลายในหลายเรื่องในกรุงเทพฯ จึงอยากที่จะให้ทางจังหวัดภูเก็ตพิจารณายกเลิกการกักตัว 14 วัน สำหรับคนที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ แต่ให้คงไว้สำหรับ 8 จังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงสูง เพื่อให้คนกรุงเทพฯและคนไทยได้เริ่มเดินทางภูเก็ตอีกครั้งในช่วงตรุษจีนนี้ เพื่อให้ท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภูเก็ตได้เดินได้อีกครั้งหนึ่งจากนักท่องเที่ยวคนไทยดูน้อยลง” นายภูมิกิตติ์ กล่าว
ที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
