โดยท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตได้ทำการปิดทางวิ่งเพื่อทำความสะอาดเป็นเวลา 40 นาที หลังจากนั้นโดยถึงแม้ว่าเครื่องบินจะสามารถขึ้นลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตได้ แต่ยังคงมีความล่าช้าของเที่ยวบินขาเข้าและขาออก เนื่องจากเครื่องบินของ Azur Air ต้องจอดเพื่อทำการแก้ไขปัญหาบนทางขับ P ส่งผลต่อความคล่องตัวในการขึ้นและลงของเครื่องบิน ทำให้เครื่องบินที่ต้องล่าช้ากว่ากำหนดถึง 47 เที่ยวบิน ต้องไปลงเติมน้ำมันที่สนามบินกระบี่ 7 เที่ยวบิน ไปลงที่สนามบินสมุย 1 เที่ยวบินและไปลงที่สนามบินสุวรรณภูมิอีก 1 เที่ยวบิน
แหล่งข่าวได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ "ศูนย์ข้อมูลภูเก็ต" ว่า เกิดเหตุไฟมันไหม้เครื่องยนต์ แล้วมีเสียงระเบิด 2 ครั้ง นักบินกดระบบความปลอดภัยดับไฟที่เครื่องยนต์หยุดส่งน้ำมัน ไฟเครื่องยนต์ดับควันขึ้น
ขณะเดียวกันเครื่องมันมีความเร็วระดับหนึ่งแล้ว นักบินต้องรีบเบรก ด้วยความที่เครื่องหนัก เพราะเติมน้ำมันบินไกลก่อน Takeoff เมื่อเบรคหนะกจึงเกิดการ Hot Break ทำให้ควันขึ้นล้อ ไฟขึ้นล้อ จากการเบรคเพื่อให้เครื่องไม่ไถลออกนอกทางวิ่ง จนยางบางเส้นแตก รอผลสอบสวนว่าอะไรทำให้เครื่องระเบิด
จากนั้นนักบินพยายาม Taxi เครื่องไปหลุมจอด แต่ไม่รอด ต้องจอดบน Taxiway P ตำแหน่งตัดกับ Taxiway E ทำให้ ATC ใช้ Taxiway E ไม่ได้ไปด้วย
ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าทางวิ่งตามเครื่องได้รวดเร็วมาก ก่อนเวลามาตรฐาน Responsed Time ของข้อกำหนด ICAO และได้แสดงความชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้
เมื่อทางวิ่งเปิดแล้ว หลังจากชุดทำความสะอาดเข้าเคลียร์ซากวัสดุตกค้างบนทางวิ่ง เจ้าหน้าที่ ATC ให้เครื่องลงต่อกัน 2 ลำ มาจอดรอที่ Taxiway F G แล้วให้เครื่อง Taxi ย้อนกลับบนทางวิ่ง 2200 เพื่อไปออก Taxiway B และเมื่อเครื่องที่ลงมา 2 ลำ ออก Taxiway B เจ้าหน้าที่ ATC ให้เครื่องขึ้น ได้ประมาณ 1-2 ลำ จากนั้นจึงค่อยอนุญาตให้เครื่องที่ Hold รออยู่เข้ามาลง ซึ่งช่วงระยะห่างนี้คือ 8-10 นาที ต่อเครื่อง 2 ลำ
อย่างไรก็ตามช่วงเวลา 18.30-21.30 น.เป็นช่วงที่มีเที่ยวบินมากเป็นปกติอยู่แล้ว เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจึงเกิดการ Delay สะสมเพิ่มเข้าไปอีก ทำให้มีเที่ยวบินต้องบินรอ 47 เที่ยวบิน, Divert ไปลงเติมน้ำมันที่กระบี่ 7 เที่ยวบิน, Divert ไปสุวรรณภูมิ 1 เที่ยวบิน และ Divert ไปสมุย 1 เที่ยวบิน
ทั้งนี้ ทุกตัวเลขเป็นการประมาณการณ์เบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงได้
ที่มา: ศูนย์ข้อมูลภูเก็ต