เวลา 16.00น. ทีมเจ้าหน้าที่รายงานว่าภารกิจประสบกับปัญหาเล็กน้อย เนื่องด้วยตัววัตถุลอยน้ำทรง 8 เหลี่ยมที่เป็นตัวบ้าน มีขนาดใหญ่เกินไปจึงไม่สามารถนำขึ้นเรือหลวงมันในได้ ซึ่งการนำขึ้นเรือหลวงมันในอาจทำให้ตัววัตถุพยานเสียหาย พลเรือตรี วิธนรัชต์ คชเสนี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ทำหน้าที่ผู้บัญชาการกองเรือปฏิบัติการควบคุมการปฏิบัติการ จึงได้มีการปรับวิธีการโดยใช้เรือหลวงมันในทำการลากตัววัตถุลอยน้ำจากทางท้ายเรือ ซึ่งอาจทำให้ภารกิจเสร็จช้าไปกว่ากำหนดราว 4 ชั่วโมง โดยใช้เวลาปฎิบัติการในการทำงานครั้งประมาณ 10 ชั่วโมงเเต่ คาดว่าจะสามารถนำวัตถุพยานลำเลียงไปยังท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตได้เรียบร้อยในเวลาประมาณ 22.00 น. อย่างแน่นอน
ภารกิจปฏิบัติการเคลื่อนย้ายวัตถุลอยน้ำในครั้งนี้ ใช้กำลังพลในการดำเนินการประมาณ 300 นาย ในการลาก “บ้านลอยน้ำ” วัตถุพยานสำคัญเข้าฝั่ง
ตามแผนเดิมจะใช้เรือในการเคลื่อนย้ายจำนวน 3 ลำ คือ เรือหลวงศรีราชา จะทำหน้าที่เป็นเรือบัญชาการควบคุมการปฏิบัติการเคลื่อนย้ายทั้งหมด โดยมีพลเรือตรีวิธนรัชต์ ควบคุมการปฏิบัติการทั้งหมด และเรือลำที่ 2 คือ เรือหลวงริ้น จะทำหน้าที่ในการลากจูงส่วนที่เป็นเดือยตัวฐานที่ตั้งของวัตถุลอยน้ำ ส่วนเรือลำที่ 3 คือ เรือหลวงมันใน จะทำหน้าที่ในการบรรทุกวัตถุลอยน้ำที่เป็นตัวบ้าน (อ่านเพิ่มเติม คลิก) ก่อนจะพบว่าตัวบ้านทรง 8 เหลี่ยม มีขนาดใหญ่เกินไปดังกล่าว
นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เมื่อวัตถุพยานอยู่ในความดูแลของ สภ.วิชิต พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรวิชิต จะเร่งเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน เอกสารทั้งหมด คาดว่าภายใน 1 สัปดาห์ จะสามารถส่ง เอกสารหลักฐาน ให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการตามกระบวนการ