จากนั้นเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 68 เวลาประมาณ 00.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุ มีกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และปาประทัดยักษ์ที่บริเวณลานจอดรถตลาดฉำฉา ต.ตลาดเหนือ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าผู้บาดเจ็บคือ นายจีรทีปต์ โชติพานิช อายุ 31 ปี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่บริเวณแขนด้านขวา ถูกนำส่ง รพ. จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.ณรงคฤทธิ์ ด่านสุวรรณ รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.เลิศชาย จำปาทอง ผบก.สส.ภ.8 และ พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.เทพนม สุวรรณรัตน์ ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.8, พ.ต.อ.เอกลักษณ์ บุญแสงเจริญ ผกก.สืบสวน ภ.จว.ภูเก็ต, พ.ต.อ.ประเทือง ผลมานะ ผกก.สภ.กะทู้ และ พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้ว ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต เร่งรัดติดตามจับกุมผู้ที่ก่อเหตุกรณีดังกล่าวโดยเร็ว เนื่องจากเป็นการก่อเหตุ ที่อุกอาจในที่สาธารณะ สร้างความหวาดกลัวต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และอาจจะส่งผลกระทบถึงภาพลักษณ์การทองเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งสองเหตุเป็นกลุ่มเดียวกัน จึงได้ดำเนินการปิดล้อมตรวจคน และเข้าทำการจับกุมผู้ก่อเหตุ ซึ่งมีผลปฏิบัติดังนี้
รายที่ 1
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหนาที่ตำรวจได้ทำการเขาปิดล้อมตรวจค้นบ้านพัก ภายในพื้นที่ ม.1 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต สามารถจับกุมตัว นายศุภกฤต หรือภู (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี และนายณัฐกร หรือญา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 16 ปี พร้อมของกลาง อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ไม่ทราบขนาด ยาว 14 นิ้ว 1 กระบอก โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับ อนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร”
รายที่ 2
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 68 เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเขาปิดล้อมตรวจค้นบานพัก ภายในพื้นที่ ม.1 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต สามารถจับกุมตัว นายปกรณ หรือมัด (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี, นายพันผา หรือโต (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี, นายโสภณ หรือบอล (ของสงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี, นายชาคริส หรือบอล (ของสงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี พร้อมของกลาง ระเบิด (ประทัดยักษ์) จำนวน 3 ลูก โดยกลาวหาวา “ร่วมกันทำและมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิด กฎหมาย”
รายที่ 3
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 68 เวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านพัก ภายในซอยทุ่งเจริญ 4 ม.6 ต.วิชิต อ.เมือง สามารถจับกุมตัว นายบุญฤทธิ์ หรือซี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี พร้อมของกลาง 1.อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ใช้กับกระสุนลูกซอง 1 กระบอก และกระสุนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและรวมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับ อนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมูบ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร”
รายที่ 4
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 403/2568 ได้จนเมื่อวันที่ 26 พ.ค. เวลาประมาณ 01.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว 1 นายมูฮัมหมัดอัลฮัม หรือบังฮาน (ของสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร”
จากการสอบถามกลุ่มผู้ตองหาให้การรับสารภาพว่าได้ลงมือรวมกันก่อเหตุดังกลาวจริง โดยพวกตนได้จับกลุ่มขับขี่ รถจักรยานยนต์เล่นกัน และไปเจอกลุ่มคู่อริจึงได้ลงมือก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
จากการดำเนินการสืบสวนจับกุมดังกล่าว จะเห็นได้ว่าภายหลังเกิดเหตุภายใน 24 ชั่วโมงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมรวมผู้ก่อเหตุดังกล่าวได้จำนวนหลายราย และสามารถตรวจยึดอาวุธปืน และวัตถุระเบิดที่ใช้ก่อเหตุได้อีกหลายรายการ ซึ่งเป็นการบังคับใช้กฎหมายที่รวดเร็วและเปนธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นใหแก่ประชาชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่มีสวนเกี่ยวของในคดีนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตามทาง ภ.จว.ภูเก็ต ได้ดำเนินการในมาตรการป้องกันปราบปราม กลุ่มวัยรุ่นที่มั่วสุมก่อความเดือดร้อนรำคาญมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจยึดรถต้องสงสัย จัดทำประวัติบุคคลกลุ่มเสี่ยง การตั้งจุดตรวจจุดสกัด และเพิ่มกำลังสายตรวจพิเศษในเวลากลางคืน ซึ่งจะสังเกตได้ว่าชวงเวลาที่ผ่านมาเหตุเหล่านี้ลดลงอยางมีนัยยะสำคัญ แต่หากมีผู้ก่อเหตุในลักษณะนี้อีก ทาง ภ.จว.ภูเก็ต จะดำเนินคดีและบังคับใช้กฎหมายในทุกมิติอย่างเต็มที่ เพื่อระงับ ยับยั้งไม่ให้ผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดไปก่อเหตุได้อีก
และขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน ขอให้พี่น้องประชาชนให้ดูแลบุตรหลานของท่านไม่ให้ไปรวมกลุ่มในเวลากลางคืน และก่อเหตุที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญ หรือทำร้ายผู้อื่น หากการสืบสวนสอบสวนพบว่า ผู้ปกครองได้ปล่อยปละละเลย หรือยินยอมให้เด็กหรือเยาวชนออกมากระทำความผิด อาจจะมีความผิด ตาม พรบ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ด้วย