วันนี้ (29 พ.ย. 60) พ.ต.ท.สานิช หนูคง สารวัตรสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ต ยืนยันกับข่าวภูเก็ตว่า สาเหตุการเกิดไฟไหม้ในครั้งนี้คือ “เกิดจากระบบไฟของเครื่องปรับอากาศรถลัดวงจร” และมิได้ตั้งข้อหากับคนขับแต่อย่างใด
สำหรับเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสสีขาว ป้ายทะเบียน 30 - 3226 พัทลุง ข้างรถติดชื่อ ธิดารัตน์ คงเหมือน ซึ่งได้มีถูกเปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ได้พยายามใช้ถังดับเพลิงฉีดสกัดไม่ให้เพลิงลุกไหม้เพิ่มระหว่างที่รอรถดับเพลิงเดินทางมาถึง เนื่องจากการจราจรติดขัด
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเร่งระบายรถฝั่งขาออกเพื่อให้รถดับเพลิงสามารถเข้ามาได้ และได้ปิดกั้นการจราจรฝั่งขาเข้าชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยก่อนรถดับเพลิงของอบต.เกาะแก้วมาถึง จึงเร่งเข้าฉีดสกัดเปลวเพลิงโดยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเปลวเพลิงจึงสงบลง ก่อนจะฉีดน้ำเลี้ยงต่อไปอีกประมาณ 20 นาที ตรวจสอบเบื้องต้นพบรถบัสสภาพเสียหายเกือบทั้งคัน
วันที่เกิดเหตุ นายประเสริฐ อินทรัตน์ คนขับเล่าว่า ขณะขับรถมาถึงจุดดังกล่าวได้มีกลิ่นเหม็นไหม้ภายในตัวรถ เมื่อตรวจสอบพบว่าน่าจะมาจากช่องแอร์รถ จึงจอดให้ผู้โดยสารซึ่งเป็นนทท.ชาวจีนพร้อมไกด์ลงจากรถ ก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร เพื่อให้รถคันใหม่มารับ ก่อนจะขับรถออกไปเรื่อยๆ แต่ระหว่างนั้นพบว่ามีควันพุ่งออกมาจากช่องแอร์จำนวนมากจึงรีบจอดเข้าข้างทางและไปเปิดประตูฉุกเฉินระบายควัน ออกแต่ปรากฏว่าได้เกิดประกายไฟขึ้นอีกในช่องแอร์ก่อนลุกไหม้ จึงรีบเอาถังดับเพลิงฉีดเข้าไปที่ช่องแอร์ แต่ก็ไม่ทัน เปลวไฟกลับลุกโชนขึ้นอย่างรวดเร็ว ตนเองพยายามแกะฝาช่องแอร์ออกก็ไม่ได้เนื่องจากมีน็อตยึดหลายตัว จึงตัดสินใจวิ่งไปถอดแบตเตอรี่หน้ารถเพื่อไม่ให้ลัดวงจรเพิ่ม ก่อนรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ ก่อนเปลวเพลิงจะลุกไหม้ติดตัวรถอย่างรวดเร็วจนเสียหายทั้งคัน แต่เคราะห์ดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
พ.ต.ท.สานิช กล่าวว่า สำหรับรถบัสคันดังกล่าวบรรทุกนักท่องเที่ยวชาวจีนของ บริษัททัวร์ชื่อ “ท็อปฮิล” จำนวน 22 คน และไกด์ เด็กรถ และคนขับ อีก 7 คนเป็น 29 คน โดยออกเดินทางกลับมาจากท่องเที่ยวในพื้นที่ ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา เพื่อไปส่งไปโรงแรมภูเก็ตเพิร์ล ถ.มนตรี ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต
