เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 68 เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กอ.รมน., เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, เจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดภูเก็ต เข้าไปตรวจสอบสถานที่ซึ่งเป็นกระแสสังคมดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ใน ซ.หัชนานิเวศน์ 2/9 ถ.อนุภาษภูเก็ตการ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต พบว่ามีการจัดตั้งในลักษณะเป็นมูลนิธิดูแลเด็ก มี น.ส.ลักขณา ประธานมูลนิธิฯ พบอีกว่า มีเด็กชาวเมียนมา ช่วงอายุระหว่าง 5-16 ปี ประมาณ 221 คน เข้ารับการศึกษาการดูแลในขั้นต้น ตรวจสอบทั้งหมดพบว่าเป็นผู้ติดตามแรงงานคนต่างด้าว ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวที่มีสิทธิ์อยู่ถูกต้องตามกฎหมาย
ภายหลังจากการตรวจสอบ นายกองเอก อดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการแถลงข่าวชี้แจงกรณีดังกล่าว พร้อมด้วย ซิสเตอร์ลักขณา สุขสุจิตร ผู้อำนวยการโครงการศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กคณะศรีชุมพาบาล ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิบ้านศรีชุมพาบาล ภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ณ ห้องประชุมมุกอันดา ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
ผลการตรวจสอบในช่วงเช้าพบว่ามีอาสาสมัครชาวต่างชาติ 3 คน ได้แก่ สัญชาติอเมริกัน สัญชาติไอริช และสัญชาติจีน (ฮ่องกง) ทั้งหมดเป็นอาสาสมัครที่ไม่ได้รับค่าจ้างหรือสิ่งตอบแทนทางการเงิน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีความเห็นว่าอาสาสมัครในองค์การกุศลสาธารณะไม่ถือเป็นการทำงานและไม่ต้องขอใบอนุญาตทำงานมีชาวต่างชาติที่ได้รับใบอนุญาตทำงาน จำนวน 10 คน ประกอบด้วยสัญชาติเยอรมัน 1 คน บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน 1 คน สัญชาติเมียนมา 8 คน ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต ได้ขอเอกสารของผู้ปกครองเด็กที่มาเรียนที่มูลนิธิ ซึ่งมีจำนวนกว่า 300 คน เพื่อตรวจสอบสถานการณ์เข้าเมืองและสิทธิในการทำงาน
สำหรับแนวทางดำเนินการต่อไป จังหวัดภูเก็ตได้มอบหมายให้ศึกษาธิการจังหวัดตรวจสอบ หากพบว่ามีการเปิดสถานศึกษาโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้กระทำผิดอาจได้รับโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งทางมูลนิธิบ้านศรีชุมพาบาล สาขาภูเก็ต จะปิดการเรียนการสอน แต่ยังคงเปิดให้เด็กและเยาวชนเข้ามาทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้
“จังหวัดภูเก็ตยืนยันว่าพร้อมดำเนินการตามกฎหมาย และให้ความสำคัญกับความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม รวมถึงการจัดการแรงงานต่างด้าวให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของทางราชการ” รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าว
