เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 67 พลตำรวจตรี พิทักษ์ อุทัยธรรม รองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจตรี วรา เวชชาภินันท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตและคณะ ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ดินโคลนถล่มพื้นที่ตำบลกะรน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ณ ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่วัดกิตติสังฆาราม หรือ วัดกะตะ โดยเมื่อเดินมาถึงรองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับฟังบรรยายสรุปความเสียหายในพื้นที่
ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้ดำเนินการสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การชันสูตรพลิกศพและรับไว้เป็นคดีชันสูตรที่ 26 คงเหลือผู้เสียชีวิต 1 ราย ที่ยังไม่ได้รับเลขคดีชันสูตร), สอบปากคำญาติผู้เสียชีวิตไว้เป็นพยาน 10 คดี, การออกหนังสือให้รับศพและออกใบมรณบัตรจำนวน 2 คดี ที่เหลือญาติแจ้งว่าจะให้ผู้ประสานงานมาติดต่อขอรับเอกสารอีกครั้ง โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าตำรวจที่ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของการรอสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์, ออกเอกสารขอรับศพและออกใบมรณบัตรให้กับญาติหรือผู้รับมอบอำนาจและรับแจ้งเหตุและความเสียหายจากผู้ประสบภัยเพิ่มเติม จากนั้น ได้บริจาคเงินจำนวนหนึ่งให้กับผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกะรน เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนและสนับสนุนการปฏิบัติงานของ้จ้าหน้าที่
โอกาสนี้รองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำความห่วงใยจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมากล่าวให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัยทุกคน ขอมีกำลังใจสู้ต่อไป และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมงจนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย นอกจากนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อื่น ๆ ตรวจตราพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดคดีอาชญากรรม หรือสิ่งอื่น ๆ ที่มีผลกระทบสำหรับผู้ประสบภัย หากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
สำหรับสถานการณ์อุทกภัยของจังหวัดภูเก็ต ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่คืนวันที่ 22 ส.ค. ถึงเช้าวันที่ 23 ส.ค. 67 วัดปริมาณน้ำฝนได้ 200 มิลลิเมตร ส่งผลให้เมื่อวันที่ 23 ส.ค. เวลา 05.00 น. เกิดเหตุดินโคลนถล่มทับบ้านเรือนประชาชน ได้รับผลกระทบ จำนวน 1 อำเภอ คือ อำเภอเมืองภูเก็ต รวม 3 ตำบล 9 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 260 ครัวเรือน 817 คน พบมีผู้เสียชีวิต จำนวน 13 ราย เป็น เพศหญิง จำนวน 8 ราย เพศชาย จำนวน 5 ราย โดยแยกเป็นชาวไทย จำนวน 3 ราย (เพศหญิง จำนวน 2 ราย เพศชาย 1 ราย) ชาวรัสเซีย จำนวน 2 ราย (เพศหญิง จำนวน 1 ราย และเพศชาย จำนวน 1 ราย) ชาวเมียนมา จำนวน 9 ราย (เพศหญิง จำนวน 5 ราย และเพศชาย จำนวน 4 ราย) นอกจากนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก จำนวน 19 ราย
