โดยนายครรชิตได้โพสต์ข้อความระบุว่าทนไม่ไหวกับพฤติกรรมทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ของไกด์เถื่อนชาวเกาหลีที่มีการพานทท.ลงดำน้ำและมีการให้อาหารปลาที่หน้าอ่าวหลา ของเกาะราชาใหญ่ ซึ่งถื่อเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ตามประกาศของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ทั้งนี้ในคลิปจำนวน 4 คลิปที่เผยแพร่มีทั้งภาพใต้น้ำซึ่งในภาพใต้น้ำนั้นถ่ายไว้ขณะที่ไกด์รายดังกล่าวกำลังพานทท.หญิงชาวเกาหลี 2 คน ลงดำน้ำ โดยมีปลาจำนวนมากว่ายวนห้อมล้อม เมื่อเข้าไปใกล้ๆ พบว่าไกด์กำลังให้อาหารปลา และภาพอีก 3 คลิปเป็นภาพขณะที่นายครรชิตกำลังพาตัวมายังเรือ และต่อด้วยภาพที่กำลังตรวจค้นภายในตัวไกด์ซึ่งพบว่ามีการใส่อาหารสำหรับเลี้ยงปลาไว้ที่ชุดดำน้ำหลายจุด โดยไกด์คนดังกล่าวพยายามพูดว่า เสียใจที่กระทำลงไป แต่ นายครรชิตก็ตอบโต้ไปว่าต้องดำเนินการตามกฎหมาย
นายครรชิต กล่าวว่า ตนเองได้ติดตามดูพฤติกรรมของกลุ่มไกด์เหล่านี้มาหลายวัน หลังจากได้เบาะแสจากผู้ประกอบการดำน้ำว่ามีการลักลอบให้อาหารปลาใต้น้ำ เพื่อให้ปลาเข้ามาในระยะใกล้ เอาใจนทท.โดยเมื่อพบห็นตนจึงดำเข้าไปถ่ายคลิปไว้ได้ก่อนจะโผล่ขึ้นแสดงตัว ตนเองทราบดีว่าหากพาตัวมาตามปกติไกด์คนดังกล่าวจะต้องทำลายหลักฐาน ด้วยการเปิดซิปกางเกงทิ้งอาหารปลา จึงให้เกาะทุ่นไว้ห้ามปล่อย ก่อนพามาค้นบนเรือพบว่ามีอาหารเลี้ยงปลาอยู่ในซิปหลายจุด จึงพาตัวขึ้นไปพบเจ้าหน้าที่ สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 หรือ สบทช.6 ที่บนเกาะราชา เพื่อส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่จะพาตัวไปส่งดำเนินคดีที่ สภ.ฉลอง
ด้าน พ.ต.ต.เอกชัย ศิริ สารวัตรตำรวจท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ผู้กระทำความผิดชื่อ นายกวงฮีอุน นัม อายุ 45 ปี ในเบื้องต้น ร.ต.อ.สมเกียรติ์ สารสิน ร้อยเวร สภ.ฉลอง ได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในข้อหาลักลอบให้อาหารปลาในแนวปะการัง ตามคำสั่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 445/2559 ลงวันที่ 19 พ.ค. 59 พื้นที่เกาะราชาใหญ่ ข้อที่ 6 ห้ามให้อาหารปลาและสัตว์น้ำในแนวปะการัง ทั้งยังได้เน้นย้ำว่า หากผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ก่อนที่จะประสานให้เพิ่มโทษผิดตาม พรบ.ธุรกิจนำเที่ยวฯ
“จากนั้นเราจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ สภ.ฉลองให้เพิ่มข้อหากระทำผิดตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศน์ เพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา เนื่องจากอาชีพมัคคุเทศก์หรือไกด์เป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย”
“อยากฝากเตือนไปยังไกด์และนักท่องเที่ยว ว่าการให้อาหารปลานั้นเป็นความผิดตามกฎหมาย ผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 1 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” พ.ต.ต.เอกชัย กล่าว