พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าวว่า สำนักงาน ปปง.ได้บูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้องตามนโยบายของรัฐบาล โดยในการดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินในรายคดี นายธงชัย รุ่งโรจรังสี กับพวก หรือบริษัทโอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ครั้งนี้ เป็นไปตามคำสั่งศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำ ฟ.158/2561 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 และคดีหมายเลขดำที่ ฟ.84/ 2561 ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2561 ซึ่งมีคำสั่งให้เลขาธิการ ปปง.เป็นผู้ดำเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วยที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด
เช่น อาคารชุด โรงแรมหรูในจังหวัดชลบุรี บริษัทจำหน่ายเครื่องประดับและอัญมณีในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 97 รายการ มูลค่า 2,964 ล้านบาท เงินฝากในบัญชีธนาคาร จำนวน 30 รายการ มูลค่า 136 ล้านบาท และสลากออมสิน 2 รายการ มูลค่า 1,500 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดทรัพย์ ทั้งสิ้น 4,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ในคดีดังกล่าว สำนักงาน ปปง. ได้รับรายงานจากกรมสรรพากร ให้ดำเนินการตรวจสอบ เนื่องจากมีพฤติการณ์เข้าข่ายการกระทำความผิดในเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งกรมสรรพากรได้ตรวจสอบการชำระภาษีของบริษัทโอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2554 -2559 พบว่ามีการหลีกเลี่ยงภาษีเป็นวงเงินกว่า 7,000 ล้านบาท อันเป็นความผิดตามมาตรา 37 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งตามมาตรา37 ตรี แห่งประมวลรัษฎากรให้ถือว่าความผิดดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐานตามกฏหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง.กล่าวเพิ่มเติมว่า ทรัพย์สินที่อายัดในครั้งนี้ สำนักงานปปง.จะดำเนินการบริหารจัดการทรัพย์สินตามกฏหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินต่อไป ทั้งนี้หากประชาชนพบการกระทำความผิดสามารถแจ้งเบาะแสมายังสำนักงาน ปปง.ได้ที่สายด่วน ปปง.1710