ป่าตองกระอัก ปราบโพสต์เศร้า ขยี้เศรษฐกิจเมืองป่าตองขาลง อ่วมรัฐรีดภาษีซ้ำ

ภูเก็ตกลายเป็นข่าวดังพาดหัวไปทั่วประเทศอีกครั้ง เมื่อนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังแห่งสถานบันเทิงหาดป่าตองโพสต์ข้อความสุดช้ำ ระบุว่าป่าตองเมืองท่องเที่ยวระดับโลกตกอยู่ในสภาวะเงียบเหงา นักท่องเที่ยวลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ซ้ำร้ายยังถูกเจ้าหน้าที่รัฐลงดาบเก็บภาษีเพิ่มแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งมีหลายข้อความที่ดูจะออกแนวตลกร้าย เช่น เบาบาง ณ บางลา

ข่าวภูเก็ต

วันเสาร์ ที่ 8 มิถุนายน 2562, เวลา 09:00 น.

แฟ้มภาพข่าวภูเก็ต: ในวันที่นักท่องเที่ยวเบาบางบนบางลา

แฟ้มภาพข่าวภูเก็ต: ในวันที่นักท่องเที่ยวเบาบางบนบางลา

นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น หรือปราบ ผู้ประกอบการสถานบันเทิงป่าตอง ประธานพิโซน่ากรุ๊ป และประธานมูลนิธิพัฒนาป่าตอง ได้โพสต์ภาพบรรยากาศและข้อความถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวอันซบเซาในป่าตอง โดยเฉพาะบนถนนบางลา วอล์กกิ้งสตรีทชื่อดังที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกใฝ่ฝันจะมาเยือนสักครั้งในชีวิต ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Prab Keesin’

โดยมีข้อความบางส่วนระบุว่า กระอัก!..ป่าตองเมืองท่องเที่ยวระดับโลกเงียบ แถมรัฐนำโดยสรรพากรและสรรพสามิต ลงรีดภาษี ซ้ำเติมผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการปรับตัวไม่ทัน อ่วม! โดนค่าปรับกันหมด กระทบธุรกิจและการลงทุน เพราะต้องไปปรับราคาขึ้น ส่งผลต่อการท่องเที่ยวป่าตองทางลบ รุนแรงขึ้น พร้อมระบุอัตราภาษีที่ต้องจ่าย 11% และติดแฮชแท็กถึง กระทรวงการคลัง, กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา, สรรพสามิตภูเก็ต และสรรพสามิต ภาค 8

ล่าสุด นายปรีชาวุฒิ ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ดังกล่าวกับ The Phuket News ว่า ในส่วนของการเก็บภาษีเพิ่ม 11% นั้น ทางเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพสามิต และกรมสรรพากร ต้องทำความเข้าใจและให้ความรู้กับประชาชน แม้กฎหมายฉบับดังกล่าวจะประกาศใช้มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งตนอยากให้ภาครัฐเปิดใจรับฟังเสียงของประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่ และอยากให้ภาครัฐปรับแก้จุดไหนอย่างไร พร้อมชี้ชัดว่าในการออกบิลแต่ละครั้งจะต้องระบุค่าภาษีใดบ้าง และอยากร้องขอเวลาให้ผู้ประกอบการได้ปรับตัว

“กฎหมายฉบับใหม่นี้ออกเมื่อปี 2560 ก็จริง แต่พบว่ามีการมาเร่งบังคับใช้ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ผมคิดว่ามันไม่เหมาะที่จะมาเร่งเก็บภาษีในช่วงที่เศรษฐกิจย่ำแย่ คำถามในหัวใจประชาชนก็คือทำไมต้องเร่งเก็บและเร่งให้ผู้ประกอบการจ่ายภายในปีงบประมาณนี้ด้วย โดยทางเจ้าหน้าที่เองก็ไม่ได้มีการมาอธิบายให้ผู้ประกอบการเข้าใจ เน้นเพียงตัวเลข เน้นการปรับซึ่งไม่เป็นตามบริบทของความรู้ประชาชน” นายปรีชาวุฒิ กล่าว

“ผมว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ต้องปรับวิธีการมาให้ความรู้ประชาชน อย่าใช้ความรุนแรง เพราะเชื่อว่าไม่มีผู้ประกอบการรายใดอยากมีปัญหากับสรรพากรกับสรรพสามิตอย่างแน่นอน” เขากล่าว

สำหรับสถานการณ์การลงทุนที่ลดลงอย่างมากนั้น ปราบได้ตอกย้ำว่าเกิดขึ้นจริง ซึ่งเฉพาะผู้ประกอบการในบางลาได้ขอลดค่าเช่าลงมากกว่า 50-60% แล้ว นอกจากนี้ยังปิดบริการไปมากกว่า 30% ซึ่งจะทำการคืนพื้นที่ทันทีหลังหมดสัญญาในปลายปีนี้

“ชัดเจนว่าขณะนี้บางลาไม่มีนักลงทุนรายใหม่เข้ามาเลย ยิ่งมาเจอพิษภาษีในปัจจุบัน จำนวนผู้ประกอบการที่ไม่ต่อสัญญาธุรกิจก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ รวมถึงข่าวที่ออกไปยิ่งจะทำให้ความมั่นใจทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุนตกต่ำลงมาก และปัญหาที่ตามมาคือ ไม่มีการจ้างงานเพิ่ม พนักงานถูกลดเงินเดือน หรือให้ออกจากงาน”

“พวกเราอยากที่จะมีส่วนร่วมในข้อบังคับมากกว่านี้ ‘บำบัดทุกข์ บำรุงสุข’ คืออะไร เราไม่อยากให้ภาครัฐซ้ำเติมประชาชนในช่วงที่เศรษกิจไม่ดี เพราะแทนที่ภาครัฐจะกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัว แต่กลับกลายเป็นซ้ำเติมประชาชน ด้วยการใช้นโยบายทางด้านการคลังที่ผิด” นายปรีชาวุฒิ กล่าว

Berda Claude International School of Phuket (BCIS)

ด้านนายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง/สท.ป่าตอง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการชี้แจงให้กับทางผู้ประกอบการได้เข้าใจตามเหตุอันควร เพียงแค่มาแจกเอกสารเท่านั้น ซ้ำยังใช้ถ้อยคำรุนแรงเช่น “ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ต้องปิดไป”

“ทุกคนเข้าใจว่าไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงอำนาจของกฎหมายได้ เพราะเราเชื่อว่าเรื่องนี้มันสามารถยืดหยุ่นและอลุ่มอล่วยได้ ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีการประสานกับทางชมรม และให้เรียกประชุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาชี้แจงรายละเอียดให้ชัดเจน ไม่ใช่แค่เดินแจกใบปลิวและมาเก็บค่าปรับ เพราะผู้ประกอบการยังเข้าใจว่าพวกเขาจ่ายภาษีครบถ้วนตามกฎหมายอยู่แล้ว” เขากล่าว พร้อมยกตัวอย่างสถานบันเทิงขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ต้องเสียภาษี 10 ล้านรวมค่าปรับย้อนหลัง 3 เดือนอีก 20 ล้าน รวมเป็นเงิน 30 ล้านบาท

“สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน โปรดอย่าลืมว่าป่าตองเติบโตได้เพราะธุรกิจสถานบันเทิงเป็นส่วนใหญ่ เพราะมันคือแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว หากวันใดนักลงทุนไม่มาลงทุน มันจะเกิดอะไรขึ้น” นายวีรวิชญ์ กล่าว

ในขณะที่นางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ก็ยอมรับว่าการท่องเที่ยวในห้วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาตกต่ำลงเป็นอย่างมาก ซึ่งตัวเลขการเข้าพักในโรงแรมลดลงถึงกว่า 50%

“ถ้าจะพูดถึงในแง่การท่องเที่ยวต้องยอมรับว่าในช่วงเดือนพฤษภาคมนั้น นักท่องเที่ยวของเราเบาบางลงไปเยอะจริง ๆ และจากการที่ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการโรงแรม ก็ได้ทราบว่าในช่วงเดียวกันนี้ซึ่งเป็นหน้าโลว์ซีซั่น โดยปกติแล้วจะมีจำนวนผู้เข้าพักประมาณ 70 % แต่ในปีนี้บางโรงแรมยอดตกลงมาถึง 50 % ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปีนี้ไม่ค่อยดีเลย นอกจากจำนวนผู้เข้าพักที่ลดลงแล้ว ราคาค่าเข้าพักต่อคืนก็ต่ำลงกว่าปีก่อน ๆ ด้วย ซึ่งเชื่อว่าอาจจะมีการแข่งขันและตัดราคา เพื่อให้ได้ลูกค้าเข้าพักในโรงแรม”

อย่างไรก็ตาม ทางตัวแทนผู้ประกอบการจะได้ทำการประสานกับเจ้าหน้าที่และยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อให้ผู้ประกอบการ และหน่วยงานภาครัฐสามารถเดินไปในทิศทางเดียวกันได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจภูเก็ตและประเทศไทย

รายงานเพิ่มเติม: ธัญลักษณ์ สากูต

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่