โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแถลงข่าว ประกอบด้วย พ.ต.อ.เฉลิมชัย เหิรสวัสดิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรป่าตอง, นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต เขต 2, นางลลิตา มณีศรี รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง, นายษณกร กี่สิ้น รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง, นายพรพิรุณ คำเลี้ยง ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองป่าตอง, นางสาวพิสุดา วีระกิจ คุณครูโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองป่าตอง, ผู้แทนบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดภูเก็ต,ผู้แทนพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต
นายรณรงค์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้รับความสนใจจากสังคมเป็นอย่างมาก โดยในช่วงแรกมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความรับผิดชอบของครูและเจ้าหน้าที่โรงเรียน ซึ่งส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ภาครัฐได้บูรณาการการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยละเอียด
จากผลการสอบสวนพบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำระหว่างเด็กนักเรียนด้วยกัน โดยไม่มีบุคลากรของโรงเรียนเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรง ทั้งนี้ ขอให้สังคมใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร และไม่เร่งตัดสินโดยปราศจากข้อเท็จจริงที่แน่ชัด
ทางด้าน พ.ต.อ.เฉลิมชัย เปิดเผยว่า จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนร่วมห้องของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ โดยกลุ่มเด็กใช้ไม้ขนไก่ตีหลายครั้ง ส่งผลให้เกิดบาดแผล จากการทดลองโดยนักจิตวิทยา พบว่า เด็กสามารถออกแรงตีได้จริงจนเกิดรอยช้ำ ทั้งนี้ ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าครูประจำชั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว และผู้ปกครองของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว จึงตัดสินใจถอนแจ้งความ โดยไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ใด
นายเฉลิมพงศ์ กล่าวว่า กรณีนี้ได้รับความสนใจจากสังคมอย่างมาก ทำให้สังคมตื่นตระหนกในประเด็นนี้ ทั้งนี้ ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบูรณาการเเก้ไขปัญหาร่วมกันจนปรากฏความจริงแก่สังคม
ในส่วนของ คุณครูพิสุดา ได้กล่าวขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าจะนำกรณีดังกล่าวเป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก
ขณะที่นางลลิตา เน้นย้ำว่า แม้เหตุการณ์นี้จะเป็นเรื่องระหว่างเด็กนักเรียนด้วยกัน แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทบทวนแนวทางการดูแลนักเรียนให้รัดกุมมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันอีกในอนาคต
รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมในตอนท้ายว่า หน่วยงานภาครัฐได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และขอยืนยันว่าการดำเนินการเป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม พร้อมกันนี้ จังหวัดภูเก็ตจะดำเนินมาตรการเชิงป้องกัน โดยบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่นักเรียน และส่งเสริมให้สถานศึกษาเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กต่อไป
ที่มา: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต