ผู้ประกอบการป่าตองเชื่อขยายเวลาแก้ปัญหา 'ส่วย'

ภูเก็ต - ผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง ออกมายอมรับต่อสาธารณชนว่า พวกเขาจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ตํารวจและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของรัฐอื่นๆ เพื่อแลกกับการเปิดบริการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกําหนด ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาเรื้อรังของภูเก็ตมาแสนนาน และดูเหมือนว่าการก้าวออกมาของผู้ประกอบการในครั้งนี้ อาจจะเป็นความหวังใหม่ในแก้ปัญหาการคอรัปชั่นให้ลดน้อยลงหรือปัญหา “ส่วย” จะได้รับการแก้ไขในทางใดทางหนึ่งหรือไม่

ข่าวภูเก็ต

วันอาทิตย์ ที่ 26 พฤศจิกายน 2560, เวลา 09:00 น.

ภาพ จุฑารัตน์ เปลรินทร์

ภาพ จุฑารัตน์ เปลรินทร์

จากกรณีข่าวเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่ามีผู้ประกอบการหลายรายจากป่าตองถูกเรียกให้เข้าร่วมการประชุมที่กรุงเทพฯ เพื่อหารือในรายละเอียดสถานการณ์การทุจริตคอรัปชั่นในพื้นที่ป่าตอง การประชุมนั้นได้ถูกจัดขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากที่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รักษาราชการแทนจเรตํารวจแห่งชาติ (รรท. จตช.) ออกคําสั่งให้ย้าย พ.ต.อ.ทัศนัย โอฬาริกเดช ผกก.สภ.ป่าตอง และ ด.ต.วรฉัตร ทัพพุน ผบ.หมู่ กก.งานจราจร สภ.ป่าตอง ไปปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) โดยให้ขาดจากตําแหน่งเดิม ตั้งแต่วันเสาร์ ที่ 18 พ.ย. 60 จนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลง

ภายหลังกรณีสั่งโยกย้ายฟ้าผ่า พ.ต.อ. ชัยวัฒน์ อุ้ยคํา รอง ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต พ.ต.ท.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง รอง ผกก. สส.สภ.ป่าตองให้ไปช่วยราชการที่ ศปก.ภ. 8 จ.สุราษฏร์ธานีอย่างไม่มีกําหนดจนกว่าเสร็จสิ้นการสอบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเรื่องร้องเรียนเรียกเก็บผลประโยชน์จากสถานประกอบการในป่าตอง

นายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง ล่าสุดได้ออกมายกย่อง พล.ต.อ.สุชาติ ว่านี่ คือหนทางสู่การจัดการปัญหาคอรัปชั่นและส่งผลถึงการแก้ข้อกฎหมายเรื่องขยายเวลา การเปิดปิดการให้บริการของสถานบันเทิง

“เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา พล.ต.อ. สุชาติ อยู่ในพื้นที่ภูเก็ต และได้รับทราบสถานการณ์ในป่าตอง หลังจากการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราได้ส่งจดหมายขอขยายเวลาเปิดให้บริการของสถานบริการบนถนนบางลาอีกครั้ง จนถึง 4.00 น.” นายวีรวิชญ์ กล่าว กับ The Phuket News

ซึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ตได้รวมตัวกันยื่นหนังสือผ่านจังหวัดภูเก็ตไปยังนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อร้องขอขยายเวลาเปิด-ปิดสถานบันเทิงออกไป ภายหลังจากได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยให้ปิดสถานบริการใน เวลา 24.00 น. และสถานบันเทิงใน เวลา 01.00 น. และได้วอนรัฐบาลเห็นใจเนื่องจากสูญเสียรายได้คืนละมากกว่า 100 ล้านบาท

สมาชิกชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงป่าตองมีทั้งหมด 500 แห่ง ซึ่งมีอย่างน้อย 200 แห่งที่อยู่ ในโซนถนนบางลา ที่ถูกจัดให้เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์โซน

“ตอนนี้ พล.ต.อ.สุชาติ คือความ หวังเดียวของพวกเรา ในเรื่องการ ขยายเวลาเปิดปิดสถานบันเทิง” นายวีรวิชญ์ กล่าว เมื่อวันอังคาร ที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา

“การแก้กฎหมายคือทางออก เดียวที่จะแก้ไขทุกอย่าง ข้อมูลและเอกสารทุกอย่างที่เกี่ยวข้องใน ประเด็นนี้ได้ถูกส่งให้สํานักงานจเร ตํารวจ สํานักงานตํารวจแห่งชาติไปหมดแล้ว” เขากล่าว

ทั้งนี้ นายวีรวิชญ์ปฏิเสธที่จะเปิดเผยถึงจํานวนเงินที่ต้องจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ตํารวจและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นๆ “ผมไม่อยากพูดถึงตัวเลขเพราะถึงแม้ว่าผมพูดไปมันก็ไม่ ทําให้อะไรเปลี่ยนแปลงได้ ผมต้องการเพียงแค่การแก้ไขกฎหมาย ถ้ามีการขยายเวลามันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผู้ประกอบการจะต้องจ่าย ส่วย” เขากล่าว

นายวีรวิชญ์ ยํ้าว่าทางผู้ประกอบการได้มีการเรียกร้องในเรื่องนี้ มานานเกือบ 20 ปีแล้ว แต่ก็ไม่เป็น ผลและยังคงถูกเมินเฉย “หลักฐานทุกชิ้นถูกส่งไป ที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติที่ กรุงเทพฯ แล้ว พวกเราทําแบบนี้ทุก ปี และผมก็เหนื่อยมากแล้วกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะในปีนี้” เขากล่าวเพิ่มเติม

“เราทําทุกอย่างที่จําเป็นเพื่อการแก้ไขปัญหา แต่ไม่เคยได้รับการ แก้ไข และในทุกๆ ปีเราจะเห็นการ โยกย้ายไปมาของเจ้าหน้าที่ตํารวจ เสมอ ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมามี หน่วยงานต่างๆ ลงพื้นที่ยังจ.ภูเก็ต เพื่อรวบรวมหลักฐานต่างๆ แต่เราก็ ยังไม่ได้ข่าวคราวความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด" เขากล่าว นายวีรวิชญ์ ยังระบุอีกว่าเขามี ส่วนในการเคลื่อนไหวของนายชาติ จินดาพล นักธุรกิจท้องถิ่น เจ้าของ บริษัทโฆษณาและการจัดงาน และประธานบริษัทไทย โกลบอล อินเตอร์เทรด ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ ใหญ่ในการส่งออกอาหารฮาลาล ไปยังประเทศอิสลามในแถบตะวัน ออกกลางและอีกหลายบริษัทที่จุด ประเด็นในวงกว้างสู่สาธารณะเมื่อปี 2013

“เมื่อ 4 ปีที่แล้วผมได้ร่วมขับเคลื่อนกับคุณชาติ แม้ว่าเรื่องการ จ่ายส่วยไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ได้มีการจ่ายส่วยมาอย่างต่อเนื่องหลายปี” นายวีรวิชญ์ กล่าว

นายชาติ ในครั้งนั้น ได้เปิดเผย ต่อสาธารณะว่า เขาต่องจ่ายส่วย ประมาณ 50 ล้านบาทต่อเดือนให้ กับเจ้าหน้าที่ตํารวจและหน่วยงาน อื่นๆ รวมกว่า 17 หน่วย ทั้งเป็น หน่วยงานด้านกฎหมาย และหน่วยงานรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ ตํารวจปฏิเสธที่จะทําการสอบสวน เพื่อชี้แจงกรณีดังกล่าว ด้วยเหตุผลที่ว่ากําลังอยู่ในช่วงจัดระเบียบ มาเฟียรถรับจ้างสาธารณะอยู่

แต่นิสัยเก่าแก้ยาก “แม้เขาจะ ยอมรับกับสาธารณะว่าได้จ่ายส่วย จริงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ผู้ ประกอบการที่พูดถึงเรื่องนี้ก็ยังถูกข่มขู่จากเจ้าหน้าที่รัฐหลายราย" นายวีรวิชญ์ อธิบาย

“เรื่องนี้ยังส่งผลไปถึงนักลงทุน ต่างชาติที่มีธุรกิจในป่าตองอีกด้วย นักธุรกิจหลายคนถูกข่มขู่ให้จ่ายเงิน กับตํารวจและพวกเขาไม่สามารถ ทําอะไรได้เลย ซึ่งเรื่องนี้กระทบไปถึงภาพลักษณ์ของป่าตองว่าควรจะดําเนินธุรกิจที่นี่ต่อหรือไม่”

นายวีรวิชญ์ กล่าวแย้งว่าการขยายเวลาเปิดปิดสถานประกอบการนั้นจะเป็นประโยชน์มาก มิใช่แค่ เพียงแต่จะชะล้างคราบเปื้อนเรื่องส่วยที่ฝังแน่นไปทั่วทุกพื้นที่

“หากหลังจากนี้การขยายเวลา เปิดปิดสถานประกอบการได้รับการอนุญาต นักธุรกิจหลายคนก็คงเต็มใจที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมที่ถูกต้องให้กับรัฐบาลเพื่อที่จะเปิดได้ นานกว่านี้อีกหน่อย” เขากล่าว

“วิธีนี้รัฐบาลจะได้รับเงินภาษีเพิ่ม รวมทั้งพนักงานก็จะได้รับเงินเพิ่มเติมจากชั่วโมงที่มากขึ้นอีกด้วย คนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคือ พนักงานที่ทํางานในสถานประกอบการเหล่านี้ พวกเขาจะได้มีรายได้ที่ เพิ่มมากขึ้นซึ่งจะทําให้พวกเขาได้มี โอกาสในการมีชีวิตที่ดีกว่า”

การขยายเวลาเปิด-ปิดสถาน บันเทิงจะทําให้ธุรกิจมืดของป่าตอง พบแสงสว่าง “เรื่องนี้จะทําให้เงินผิดกฎหมายกลับมาสู่โลกแห่งรายได้ มหาศาล และผู้ประกอบการก็ยินดี จะจ่ายภาษีที่ถูกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของภาครัฐและประชาชน” นายวีรวิชญ์ กล่าวทิ้งท้าย

 

 

 

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่