จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กมลา และเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดประจำหน้าหาดกมลา พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวอบ.) โดยสัตวแพทย์หญิงพัชราภรณ์ แก้วโม่ง (หมอฟ้า) หัวหน้าศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหาหายากสิรีธาร ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ให้นำซากจากสถานที่พบซากพะยูน โดยประสานเจ้าหน้าที่รายการให้นำเรือสปีดโบ๊ทลากซากมาขึ้นที่ริมหาดหน้า สภ.กมลา
ตรวจสอบในเบื้องต้น ทราบว่าพะยูนตัวดังกล่าวเป็นเพศผู้โตเต็มวัยน้ำหนักประมาณสองร้อยกว่ากิโลกรัม ความยาว 2.52 เมตร เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3วัน เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า มีบาดแผลบริเวณด้านหลังลำตัวหางและครีบทั้งสองข้าง ก่อนนำไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตาย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้พบซากพะยูนเมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมาโดยชาวประมงพบซากพะยูนเพศผู้โตเต็มวัย น้ำหนักกว่า 150 กก. ความยาวกว่า 2 เมตรเศษ ไม่ทราบสาเหตุลอยอืดอยู่ในทะเล บริเวณชุมชนท่าจอดเรือประมงท่าต้นโด บ้านคอเอน ม.2 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ไม่พบบาดแผล ทำให้ซากพะยูนที่พบในเช้าวันนี้เป็นพะยูนตัวที่ 2 ในรอบ 1 เดือนที่ได้เสียชีวิตไป
ในช่วงเช้าวันเดียวกัน (23 ต.ค.) ชาวบ้านได้พบซากเต่าหญ้าน้ำหนักประมาณ 30-50 กก. เสียชีวิตแล้วมาแล้วประมาณ 2 วัน โดนคลื่นซัดเกยหาดหน้าสวนสาธารณะหาดกมลา เช่นกัน
ล่าสุดสัตวแพทย์หญิงพัชราภรณ์ ได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.กมลา เนื่องจากพะยูนเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 เป็นสัตว์น้ำชนิดแรกของประเทศไทยที่ได้รับการกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าสงวน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเลเขตอบอุ่น
จากนั้นเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร, ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน ได้รับไปยังศูนย์เพื่อผ่าซากพิสูจน์หาสาเหตุการตายต่อไป