พ่อเมืองร่วมลงพื้นที่สปีดโบ๊ทชนสั่งเร่งเยียวยาผู้บาดเจ็บเสียชีวิต เจ้าท่าพักใบประกาศนายท้าย 2 ปี

ภูเก็ต – วานนี้ (10 ก.พ.) ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพร้อมอธิบดีกรมเจ้าท่า ลงพื้นที่ติดตามข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุกรณีเรือสปีดโบ๊ทเรือ ALP111 ชนประสานงา กับเรือปาหยัน 5 พร้อมสั่งเร่งเยียวยาผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตโดยเร็วที่สุด ด้าน กรมเจ้าท่าวางแนวทางอบรมผู้ขับขี่เรือพร้อมกำหนดแผนขุดลอกร่องน้ำเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางเรือ

เอกภพ ทองทับ

วันอังคาร ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563, เวลา 10:14 น.

สำหรับอุบัติเหตุทางน้ำในครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ตรายงานว่า เรือสปีทโบ๊ทบาหยัน 5 ของบริษัทซีสตาร์ ทัวร์ ได้ขับออกจากท่าเรือ AA แหลมหงา เกาะสิเหร่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อนำเรือเปล่าจะเข้าไปรับนักท่องเที่ยวที่ท่าเรือรอยัลภูเก็ตมารีน่า ต.เกาะแก้ว โดยได้เดินทางกับลูกเรือและไกด์ รวม 3 คน ได้ไปเฉี่ยวชนกับเรือสปีดโบ๊ท ALP111 ของบริษัทอันดามันเลเซอร์ ภูเก็ต ซึ่งขับโดย นายอัษฎาวุธ สูเด็น อายุ 24 ปี รับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย จากท่าเรือโบ๊ทลากูนจำนวน35 คน (ผู้โดยสาร 35 เด็กเรือ 3 คน) โดยได้เฉี่ยวชนบริเวณปากทางเข้าท่าเรือรอยัลภูเก็ตมารีน่า 

ส่งผลทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนำส่งโรงพยาบาลจำนวน 4 แห่ง ดังนี้

รพ.มิชชั่น
นักท่องเที่ยวรัสเซีย เสียชีวิต 2 คน
1.เด็กชาย Iaroslav Lysyi  อายุ 12 ปี
2.เด็กหญิง Miraslava Lysaia อายุ 6 ปี

รพ.กรุงเทพ 12 คน แอดมิท 1 คน ดังนี้
อาการบาดเจ็บเล็กน้อยและแพทย์อนุญาตให้กลับที่พักได้
1.Mr.Vladislav Te อายุ 39 ปี สัญชาติ รัสเซีย
2.Master Maxim Te อายุ 13 ปี สัญชาติ รัสเซีย
3.Master Danil Erhov อายุ 11 ปี สัญชาติ รัสเซีย
4.Mrs.Nadezhda Te อายุ 32 ปี สัญชาติ รัสเซีย
5.Master Artem Te อายุ 7 ปี สัญชาติ รัสเซีย
6.Mr.Alexsander Erhov อายุ 52 ปี สัญชาติ รัสเซีย
7.Mr.Andrel Bodrov อายุ 28 ปี สัญชาติ รัสเซีย
8.Mr.Dmitrll Barannikov อายุ 26 ปี สัญชาติ รัสเซีย
9.Mr.Anton Petrushin อายุ 27 ปี สัญชาติ รัสเซีย
10.Ms. Arina Pupygina อายุ 23 ปี สัญชาติ รัสเซีย
11.Mrs.Tatiana Erhova อายุ 52 ปี สัญชาติ รัสเซีย พักที่โรงแรมในพื้นที่กะตะ
แอดมิท 1 คน คือ Mr.Azamat Isinalinov อายุ 29 ปี สัญชาติ รัสเซีย พักที่โรงแรมพื้นที่ป่าตอง มีบาดแผลบริเวณศีรษะ แพทย์ได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรอการประเมินอาการอย่างละเอียดอีกครั้ง

รพ.กรุงเทพสิริโรจน์ 6 คน อาการบาดเจ็บเล็กน้อย
1.Ms.Natalia Li อายุ 38 ปี
2.Ms.Olga Baranova อายุ 37 ปี
3.Ms.Mariia Bologinaอายุ 17 ปี
4.Ms.Irina Markisonova อายุ 41 ปี
5.Ms.Zhanna Bologinaอายุ 37 ปี
6.Master Leonid Markisonov อายุ 12 ปี

รพ .วชิระ 1 คน
นางสาว EKATERINA MINKINA สัญชาติรัสเซีย อายุ 38 ปี พักที่โรงแรมในพื้นที่ป่าตอง นักท่องเที่ยวรายดังกล่าวถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลวิชิระภูเก็ต ทราบว่าเบื้องต้นมีอาการปวดหลัง หมอได้ทำการเอ็กซ์เรย์ตรวจสอบไม่มีกระดูกหัก คาดว่านทท.มีอาการเคล็ดตามกระดูกหลัง ภายนอกไม่มีบาดเเผล เบื้องต้นทางบริษัทมารับนทท.กลับโรงเเรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เดินทางท่องเที่ยวแบบทัวร์กับบริษัทเปกัส โดยขึ้นเรือ ALP ของบริษัท อันดามันลีเซอร์ ซึ่งบริษัททัวร์มีประกันของ อาคเนย์ประกัน จ่ายสินไหมกรณีเสียชีวิต 200,000 บาท ค่ารักษาพยาบาล 300,000 บาท

ส่วนตัวเรือมี พรบ.ของบริษัทวิริยะประกันภัย กรณีเสียชีวิต 100,000 บาท และค่ารักษาพยาบาล 15,000 บาท, กองทุนเยียวยาของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กรณีเสียชีวิตไม่เกิน 1,000,000 บาท และกรณีบาดเจ็บสาหัสทุพพลภาพ หรือรักษาเกิน 20 วัน ไม่เกิน 1,000,000 บาท

ภายหลังเกิดเหตุเมื่อเวลา 17.00น. ของวันเดียวกัน นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับ นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า, พล.ต.ต.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผบก.ทท.3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางไปตรวจสอบสภาพเรือสปีดโบ๊ททั้งสองลำที่ชนกัน โดยเรือ ALP111 จอดที่บริเวณท่าเรือโบ๊ทลากูน ส่วนเรือปาหยัน 5 จอดที่บริเวณคลองเกาะแก้ว ท่าเรือรอยัลภูเก็ตมารีน่าภูเก็ต

โอกาสนี้ นายภัคพงศ์ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียและบาดเจ็บ พร้อมระบุว่าทางจังหวัดได้ตรวจสอบเงินช่วยเหลือจากทั้งภาครัฐและเอกชน และได้สั่งการให้เร่งจ่ายเงินเยียวยาทั้งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตโดยเร็วที่สุดแล้ว

ด้านอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียทั้ง 2 ราย ในส่วนกรมเจ้าท่าได้เน้นย้ำความปลอดภัยมาโดยตลอด สำหรับภูเก็ต เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งกรมเจ้าท่าให้ความสำคัญมาก

“กรณีเกิดเหตุเมื่อเช้านี้ เรือ ALP111 ขับเรือไปยังท่าเรือรอยัลภูเก็ตมารีน่า เวลา 08.00 น. หลังเกิดเหตุได้รับรายงานรีบสั่งการให้เจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตเข้าตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และประสานตำรวจ ขณะนี้ ทางเจ้าท่าได้สั่งห้ามใช้เรือแล้วทั้ง 2 ลำมีการส่งมอบให้พนักงานสอบสวนยึดเป็นของกลางไปก่อน ในส่วนนายท้ายเรือทั้ง 2 ลำได้มีการห้ามใช้ประกาศนียบัตรการเดินเรือเป็นเวลา 2 ปี” นายวิทยา กล่าว

พร้อมอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า “จากสภาพข้อเท็จจริงเมื่อตรวจสอบตัวเรือเกิดจากขับมาค่อนข้างเร็วมากและที่เกิดเหตุ เป็นบริเวณโค้งด้วย ได้สั่งการไปที่เจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ให้เอาคนขับเรือเข้ามาการอบรมให้ความรู้ใหม่หมดทั้งระบบเริ่มทันที ในเรื่องความชำนาญร่องน้ำเพื่อลดความสูญเสีย ซึ่งร่องน้ำนี้จะเข้ามาสำรวจเพื่อดำเนินการอย่างรวดเร็ว คลองเกาะแก้วอย่างน้อยเห็นว่ามี 2 มารีน่า คือ โบ๊ทลากูน กับ รอยัลภูเก็ตมารีน่า ทราบว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนหลายพันคนใช้คลองแห่งนี้ ในการสัญจรทางน้ำ ดังนั้น ความปลอดภัยของร่องน้ำเป็นปัจจัยหนึ่งของความปลอดภัยเช่นกัน กรมเจ้าท่าจะเข้ามาสำรวจและวางแผนในการขุดลอกคลองเกาะแก้วแห่งนี้”

“ส่วนการดำเนินคดีทั้งหมด ระหว่างเรือทั้งสองลำทางเจ้าท่าจะประสานกับตำรวจ และให้เชื่อมั่นว่า ความปลอดภัยที่เจ้าท่าเน้นย้ำ ตัวเรือ พนักงานขับเรือ ท่าเรือ อู่เรือ ทั้งหมดต้องมีความปลอดภัย ได้กำหนดมาตรฐานไว้แล้ว” นายวิทยา กล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่