เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 68 ที่อาคาร 191 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการระดมกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายกลุ่มมาเฟียต่างชาติ ที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย และ ประกอบธุรกิจแย่งงานคนไทย ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ภายหลังมีการสืบสวนขยายผลจากการจับกุมผู้ประทำความผิดในคดีต่าง ๆ จำนวน 7 เป้าหมาย โดยมีผลการปฏิบัติการสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย และยึดของกลางจำนวน 255 รายการ โดยมีคดีสำคัญ ๆ ประกอบด้วย
การตรวจค้นกลุ่มจีนเทา โดยเข้าตรวจสถานที่ปล่อยเช่ารถหรูโตโยต้า อัลพาร์ด ซึ่งเป็นการสอบสวนขยายผลมาจากการจับกุมชาวจีนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งใช้นอมินีในการประกอบธุรกิจร้านขายอาหาร โรงเรียนนานาชาติ รถเช่า โรงแรม วิลล่าหรู มูลค่ากว่า 1,000 ล้าน ไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา และจากการสอบสวนเพิ่มเติมพบว่าผู้กระทำความผิด มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการปล่อยเช่ารถหรู ภายใต้ชื่อ จีอาร์คิว อัลฟาร์ด คลับ (GRQ ALPHARD CLUB) โดยใช้เงินที่ไม่ปรากฎที่มาซื้อรถหรู แล้วหาลูกค้าตรงจากต่างประเทศ ผ่านช่องทางโซเชียล ทำให้ผู้ประกอบการรถเช่าในพื้นที่เสียผลประโยชน์ ถูกแย่งอาชีพ ทางชุดสืบสวนจึงได้รวบรวมพยายานหลักฐาน และร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการ 7 คน และขอศาลออกหมายจับ 7 หมาย ขณะนี้สามารถจับกุมได้แล้ว 2 หมาย และ ผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศแล้ว 4 หมาย อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมอีก 1 หมาย
นอกจากนั้นจากสืบสวนขยายผล การจับกุมผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและแก๊งมาเฟียออสเตรเลีย ที่ก่อคดีปล้นเงินบิทคอยน์ของคนสัญชาติเดียวกัน โดยทราบว่าหัวหน้าแก๊ง คือนายบิลลี่ ได้เปิดธุรกิจหลายพื้นที่ จึงได้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นโรงเพาะกัญชา บัดบูติก ร้านสักลาย และบ้านพักในพื้นที่ป่าตอง
รวมทั้งมีการนำกำลังเข้าตรวจค้นร้านปล่อยรถเช่าในพื้นที่ตำบลเชิงทะเล เนื่องจากมีการสืบสวนขยายผล จากการจับกุมบริษัทรถเช่าของชาวอิสราเอล ในพื้นที่บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่าชาวต่างชาติรายดังกล่าวมีการเปิดบริษัทที่จังหวัดภูเก็ตได้ จึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้น ร้าน EDRIVE RENTAL ต.เชิงทะเล ซึ่งจากการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหา เป็นชาวรัสเซียได้ 1 ราย และ ยึดรถยนต์จำนวน 9 คัน รถจักรยานยนต์จำนวน 46 กัน ไว้ตรวจสอบ
นอกจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้นำกำลังเข้าตรวจเป้าหมาย ซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตจำนวน 1 ราย โดยระบุว่าเจ้าของเป็นคนไทย แต่จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เชื่อว่าบริษัทดังกล่าวน่าจะเป็นของต่างชาติ แต่ใช้คนไทยเป็นนอมินี โดยสามารถตรวจยึด ของกลางสารสกัดแปรรูปจากกัญชาประมาณ 200 กว่าชิ้น และอุปกรณ์อีกจำนวนหนึ่ง
พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า สำหรับการเข้าตรวจค้นเป้าหมายต่าง ๆ นั้น เป็นการสืบสวนขยายผลจากคดีที่เคยจับกุมมาก่อนหน้านี้ และหลังจากนี้จะมีภาคต่อไป เชื่อว่าเป็นรายใหญ่กว่านี้แน่นอน ซึ่งจะเป็นการระดมกำลังกวาดล้างมาเฟียต่างชาติที่เข้ามาทำผิดกฎหมายแย่งงานคนไทย ส่วนจะเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอะไรนั้นขออุบไว้ก่อน
