และผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพของสังคมปัจจุบัน เน้นย้ำการพัฒนาทักษะและความรู้จะต้องไม่มีวันหยุดนิ่ง ในโอกาสการจัดเวทีพูดคุยแบบเป็นกันเอง เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีเอกชนแถวหน้าในภูเก็ต และตัวแทนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมพูดคุย
นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยภาพรวมการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 ว่ายังทรงตัวท่ามกลางแรงกระแทกจากบางตลาด โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวลดลง -7.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากตลาดจีนซึ่งหดตัวลงกว่า -48%
อย่างไรก็ตาม ตลาดอื่น ๆ ยังแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ อินเดีย (+59%), ออสเตรเลีย (+11%) อังกฤษ (+23%) และ ตะวันออกกลาง (+25) ช่วยพยุงภาพรวมได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 พฤษภาคม 2568 ภูเก็ตต้อนรับนักท่องเที่ยวสะสมแล้วกว่า 2.4 ล้านคน โดยรวมบวก 8% โดยตลาดหลักที่ยังเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ รัสเซีย(+13%) อินเดีย(+59%) ยุโรป(+15%) ออสเตรเลีย(+15%) และอาเซียน ขณะที่ตลาดจีนยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว
ลุยตลาดใหม่-กลุ่มใหม่ เน้นตลาดศักยภาพ
“ภูเก็ตพร้อมลุยกลยุทธ์ “New Market, New Segmentation” ในช่วงโลว์ซีซั่น โดยเน้นตลาดศักยภาพใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง อินเดีย และ ยุโรปตะวันออก รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่สนใจประสบการณ์เชิงสุขภาพ วัฒนธรรม และความยั่งยืน”
“ปีนี้ยังมีแผนอีเวนต์ระดับนานาชาติกว่า 15 รายการ ตั้งแต่กลางปี 2568 ยาวถึงต้นปี 2569 เช่น Phuket City Pride, Phuket Peranakan Festival, Phuket Lobster Festival, Phuket Vegetarian Festival, Thailand Biennale Phuket 2025 และ EDC Thailand ซึ่งจะช่วยสร้างสีสัน กระตุ้นการใช้จ่าย และขยายฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ทั่วโลก” นายธเนศ กล่าวเพิ่มเติม
ทางด้านนางสาวศิริวรรณ สีหาราช ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวไทยในจังหวัดภูเก็ต ไตรมาสแรกเป็นบวก ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม 2568 ประมาณ 10% โดยเฉลี่ย และเริ่มชะลอตัวในเดือนเมษายน 1.8% ในด้านจำนวนนักท่องเที่ยว ส่วนด้านรายได้ด้านการท่องเที่ยวรวมทั้งคนไทยและต่างประเทศ ตั้งแต่ มกราคมถึงมีนาคม 2568 รายได้ 149,384 ล้านบาท เติบโต 8.66% แยกเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวไทย 11,368.60 ล้านบาท และ นักท่องเที่ยวต่างชาติ 138,016.10 ล้านบาท
จับตาไตรมาสสุดท้ายของปี ยอดจองล่วงหน้าแน่น ยุโรปกลับมาแรง
นายธนวัต อ่องเจริญ อุปนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ เผยว่าแม้ไตรมาส 2 และ 3 จะเป็นช่วงชะลอตัว โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีน แต่แนวโน้มไตรมาส 4 กลับมาสดใสอย่างชัดเจน การจองล่วงหน้าแน่นหนาโดยเฉพาะจากภูมิภาคยุโรป สหราชอาณาจักร ตอกย้ำว่าภูเก็ตยังคงเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวในฤดูหนาวนี้
ภูเก็ตยังเป็นที่นิยม แต่ต้องเร่งยกระดับ รับมือการแข่งขัน
รศ. ดร. ชยนนท์ ภู่เจริญ รองคณบดี ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต เผยผลสำรวจจากบริษัทนำเที่ยวต่างชาติทั่วโลกกว่า 190 กว่าราย พบว่าภูเก็ตยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม แม้จะมีข้อกังวลเรื่องจราจร ความสะอาด และการจัดการขยะซึ่งหากยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง อาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของภูเก็ตในฐานะเมืองท่องเที่ยวระดับโลกในอนาคต
ปรับตัวให้ไว เข้าใจนักท่องเที่ยวยุคใหม่
นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม ประธานมูลนิธิท่องเที่ยวยั่งยืน และที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในยุคที่พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ผู้ประกอบการจำเป็นต้อง
• ยกระดับบริการ
• ใช้เทคโนโลยีและ AI ให้เป็นเครื่องมือหลัก
• เน้นการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
• สร้างแบรนด์ท้องถิ่นที่มีความหมาย
• และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องยั่งยืนและใส่ใจสิ่งแวดล้อม
“ภูเก็ตยังเป็นหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยว แต่การทำให้ภูเก็ตไปต่อได้นั้น รัฐบาลต้องคำนึงถึงระบบสาธารณูปโภคที่เอื้อต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน และผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการปรับตัวจากพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป”
พร้อมทั้งอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ที่พัก ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยวให้บริการต่าง ๆ ที่เคยไปพึ่งพาเอเจนซี่นั้นตอนนี้หายไปกับดิจิทัล ที่นักท่องเที่ยวอาจจะทั้งจองตรงไปที่เซอร์วิสเอง หรือผ่านเอเจนซี่ท่องเที่ยวออนไลน์ที่ในวันนี้ได้มีให้บริการครอบคลุมหมดแล้ว “ปัจจุบันนักท่องเที่ยวใช้เวลาวางแผนท่องเที่ยวน้อยลงจากเมื่อก่อน ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์กันมากขึ้นและมีการจองตรงโดยไม่ผ่านเอเจนซี่เพิ่มมากขึ้น ถ้าจองโรงแรมก็จองตรงไปที่เว็บไซต์โรงแรมเลย เราต้องไปปรับปรุงในเรื่องนี้ ว่าเรามีซอฟแวร์ในการดูแลเรื่องนี้ไหม มีคนที่มีทักษะเพียงพอในการดูแลเรื่องนี้ไหม รวมถึงเรื่อง AI และเรื่องดิจิทัลต่าง ๆ เพราะพฤติกรรมของคนมันเปลี่ยนจริง ๆ ไม่ได้ไปหาเอเจนซี่เหมือนในอดีต” นายภูมิกิตติ์ กล่าว
“เรื่องดิจิทัลและ AI มันมีความสำคัญมาก แล้วมันก็เป็นการลดต้นทุนด้วย แต่เรื่องพวกนี้มันเปลี่ยนแปลงเร็ว ความรู้ของเราก็ต้องตามเทคโนโลยีให้ทัน แล้วเราก็จะปรับตัวและเข้าใจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวได้เร็วขึ้น”
“นักท่องเที่ยวหลายคนไม่ได้มาหาแสงแดดทะเลหาดทราย แต่เขามาหาประสบการณ์ เขาอาจจะนอนโรงแรมในเครือชั้นนำก็ได้ แต่เวลาเขากินเขาเที่ยวเขากินเขาอยากได้บรรยากาศท้องถิ่น”
นายภูมิกิตติ์ กล่าวอีกว่า นักท่องเที่ยวจีนมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปมากคือ ไม่ได้ซื้อของหรูแล้ว แต่มาซื้อของแบรนด์ท้องถิ่นที่มีคุณภาพแทน
“เพราะฉะนั้นถ้าเรายังทำธุรกิจแล้วไม่ได้ใส่ใจเรื่องการสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ เราจะเสียโอกาสในการจะต่อยอด อย่างนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเขาอยากมามีประสบการณ์ท้องถิ่นเยอะ ๆ ถ้าเราสามารถทำสินค้าให้ดี มีเอกลักษณ์มันจะทำให้เรายั่งยืนได้”
และสุดท้ายในฐานะประธานมูลนิธิท่องเที่ยวยั่งยืน นายภูมิกิตติ์เน้นย้ำในเรื่องของการคัดแยกขยะเพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน มีการขยายในเรื่อง กรีน โฮเทล พลัส ยกระดับโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงความพยายามในด้านอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าภูเก็ตมีความตื่นตัวและพร้อมในการทำท่องเที่ยวให้ก้าวไปต่อได้อย่างยั่งยืน
ที่มา: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต