จากการตรวจสอบรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีบรอนซ์ทอง ป้ายทะเบียนภูเก็ต ภายในมีนายบุญเรือง แสงจันทร์ อายุ 44 ปี เป็นคนขับ นางจารี เชื่อมแก้ว อายุ 60 ปี น.ส.ทองพันธ์ เชื่อมแก้ว อายุ 30 ปี และ ด.ช.บอย นามสมมติ อายุ 3 ปี นั่งโดยสารอยู่ภายในรถ ขณะที่ ด.ต.บุญลอบ มากสาขา ผบ.หมู่งาน ป.สภ.ท่าฉัตรไชยตรวจค้นภายในช่องเก็บล้ออะไหล่บริเวณฝากระโปรงท้าย พบกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 16 แท่งซุกซ่อนอยู่ จึงตรวจยึดพร้อมกับควบคุมนายบุญเรืองและนางจารีไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.ท่าฉัตรไชย เพื่อขยายผลพร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
ขณะที่ ส.ต.ท.วิษณุ บุญชูวงศ์ ผบ.หมู่งาน ป.สภ.ท่าฉัตรไชยกำลังตรวจค้นอย่างละเอียด พบกัญชาแห้งอัดแท่งถูกซุกซ่อนอยู่ในห้องเครื่องฝั่งซ้ายเพิ่มเติมอีก 4 แท่ง และยังพบกัญชาแห้งถูกเก็บไว้ภายในสปอยเลอร์หลังอีก 4 แท่ง รวมกัญชาอัดแท่งที่ตรวจค้นพบในรถเก๋งคันดังกล่าวทั้งหมดจำนวน 24 แท่ง มูลค่ากว่า 5 แสนบาท สอบสวนเบื้องต้นพบว่า น.ส.ทองพันธ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการลักลอบขนกัญชาอัดแท่งดังกล่าวแต่อย่างใด จึงได้ปล่อยตัวไป
สอบสวนนายบุญเรืองได้ให้การว่า ตนเองรับจ้างขนกัญชาแห้งอัดแท่งจากนายตั้ม ไม่ทราบนามสกุลจริงอยู่ที่ อ.ทับปุด จ.พังงา โดยเมื่อช่วงเย็นวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนเองได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์มือถือจากนายตั้มให้ตนเองกับนางจารีขับรถเก๋งคันดังกล่าวไปรับกัญชาแห้งที่บริเวณสามแยกทับปุดบน ถ.หน้าปั้มน้ำมันเชลล์ อ.ทับปุด จ.พังงา โดยให้ตนเองกับนางจารีจอดรถทิ้งไว้แล้วให้ตนเองกับนางจารีออกจากรถไปที่อื่นก่อน เป็นเวลา 1 ชม.เมื่อครบ 1 ชั่วโมงแล้วให้ตนเองกับนางจารีมาเอารถไป ส่วนกัญชาแห้งอัดแท่งนั้น นายตั้มจะเป็นผู้ซุกซ่อนให้เอง
โดยนายตั้มให้ตนเองกับนางจารีขับรถเก๋งขนกัญชาแห้งอัดแท่งดังกล่าวทั้งหมดไปส่งที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยนายตั้มจะเป็นคนบอกทางให้ตนและนางจารีเมื่อถึงอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร โดยให้เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 1 กม.แล้วจะพบซอยเข้าหมู่บ้านดังกล่าว โดยได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 10,000 บาท
