ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ม.ค.2568 นำโดย พ.ต.อ.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสตร์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, พ.ต.อ.คุณเดช ณ หนองคาย ผกก.สภ.กะรน, พ.ต.ท.พิชญุตน์ ศรีนาค สว.สส.สภ.กะรน พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.กะรน ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภ.จว.ภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต ชุดสืบสวน ตม.ภูเก็ต
สามารถติดตามจับกุม นายอังเดร เวเซลอฟ (MR.ANDREI VESELOV) อายุ 37 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต เลขที่ 9/2568 ซึ่งเป็นคนสั่งการที่วิลล่าหรูแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.เชิงทะเล ขณะพักอยู่กับครอบครัว
ส่วนอีกรายซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งศาลจังหวัดภูเก็ตได้อนุมัติหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ด ที่ 7/2568 ผู้ต้องหา MR.DMITRII KUZNETSOV อายุ 36 ปี สัญชาติรัสเซีย เดินทางเข้ามาภูเก็ตเมื่อวันที่ 5 ม.ค.2568 เวลา 15.32 น. และหลังจากก่อเหตุเดินทางออกไปประเทศดูใบแล้ว เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2568 เวลา 02.50 น. โดยหลบหนีด้วยรถแท็กซี่
ต่อมา พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช รอง ผบช.ภ.8 ได้เล็งเห็นความสำคัญของคดีนี้ซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว จึงได้เดินทางมายัง สภ.กะรน เพื่อสอบปากคำด้วยตนเอง เผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำนาย อังเดรย์ ผู้ต้องหารายที่ 1 เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การได้ไม่มาก เนื่องด้วยเจ้าตัวสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ และต้องการที่จะรอทนายความส่วนตัว ส่วนผู้ต้องหาอีกราย นายดมิทรี หลังก่อเหตุได้เดินทางออกราชอาณาจักรไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ม.ค. โดยเดินทางออกจากสนามบินภูเก็ตมุ่งหน้าสู่ประเทศดูไบ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้ขอหมายแดงจากตำรวจสากลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยแจ้งข้อกล่าวหาทั้งคู่กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์โดยขู่ว่าจะฆ่า และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น”
สำหรับ นายเซลิมข่าน ยูซูพอฟ (MR.ZELIMKHAN IUSUPOV) อายุ 31 ปี สัญชาติรัสเซีย ผู้เสียหาย หลังเกิดเหตุ ทราบว่าเดินทางไปยังกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยภาพรวมกรณีดังกล่าว ทราบว่าผู้ก่อเหตุมีจำนวน 2 ราย เป็นชาวรัสเซียทั้งคู่ โดยคนร้าย 1 คน ได้บุกเข้าไปที่โรงแรมทำร้ายร่างกาย และมีการเรียกร้องเงิน 120,000 ดอลลาร์สหรัฐที่เป็นคลิปโตกับผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเงินที่ผู้เสียหายติดค้างกันอยู่ โดยมีการให้ผู้เสียหายพูดคุยกับผู้ก่อเหตุอีกคนที่อยู่ปลายสายของโทรศัพท์ ซึ่งผู้เสียหายจดจำเสียงปลายสายได้ จึงไม่ยินยอม จนถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย และชิงเงินจำนวน 7,000 ดอลล่าร์ไปในที่สุด เหตุการณ์ดังกล่าว เชื่อว่าเป็นการใช้ให้คนมาทวงหนี้ โดยมีคนคอยชี้เป้าพิกัดของผู้เสียหายให้กับผู้ก่อเหตุ ส่วนที่มาของเงินดังกล่าวนั้นอยู่ในระหว่างการสอบสวน
