วันที่ 3 ส.ค.60 นาวาเอก บวร พรมแก้วงาม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน( กอ.รมน.) จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ นายเกษม สุขวารี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต นายรักเกียรติ ดีดพิณ นักผังเมืองชำนาญการ สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง นายอำนวย พิณสุวรรณ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ป่าไม้ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ภก. 2 (ภูเก็ต) เจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 จังหวัดภูเก็ต และสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน( ส.ป.ก.)จังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบพื้นที่โครงการก่อสร้างบ้านพักตากอากาศหรู แหลมกระทิง ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต เพิ่มเติมหลังจากที่มีการประชุมวางแผนดำเนินการและสรุปข้อมูลบางส่วนที่เทศบาลตำบลราไวย์
ทั้งนี้ การลงพื้นที่ดังกล่าว ได้ให้เจ้าหน้าที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง ได้นำเครื่องหาค่าพิกัดเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูง และมีความแม่นยำ ทั้งการหาค่าพิกัดที่ตั้ง มุม องศา และความลาดชัน เข้าส่องจับค่าพิกัดต่างๆในพื้นที่ เพื่อนำไปวิเคราะห์หาจุดที่ชัดเจนว่าที่ดินและตัวอาคารที่ก่อสร้างนั้นอยู่ในโซนที่ 1 หรือ 2 ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
ซึ่งได้มีการกำหนดไว้ว่า พื้นที่อยู่ในโซนที่ 1 จะต้องห่างจากจุดที่น้ำทะเลขึ้นสูงสุด 20 เมตร สร้างอาคารสูงได้ 6 เมตร ส่วนโซนที่ 2 จะต้องห่างจากน้ำทะเลขึ้นสูงสุด 50 เมตร สามารถก่อสร้างอาคารสูงได้ 12 เมตร ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคก็ได้ร่วมตรวจสอบระดับน้ำทะเลเพื่อเก็บข้อมูลนำไปสรุปผล
น.อ.บวร กล่าวว่า ในการนำเครื่องหาค่าพิกัดฯ เข้ามาช่วยหาค่าพิกัดนั้นจะสามารถทราบผลได้ภายใน 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะนำข้อมูลส่วนอื่นๆ ทั้งหมดมาสรุปรวมกัน ซึ่งจากที่ได้พูดคุยล่าสุดแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำข้อมูลสรุปรุดหน้าไปมาก และค่อนข้างความชัดเจน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 30 วัน ก่อนนำเสนอรายงานให้ทราบ
ทั้งนี้ น.อ.บวร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุมนั้น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ภก. 2 (ภูเก็ต) ยืนยันว่าจากการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วที่ดินดังกล่าวไม่ได้อยู่ในป่าสงวน และ ส.ป.ก. จังหวัดภูเก็ตเองก็ยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก. ด้วยเช่นกัน ส่วนกรณีที่พบหลักหมุดของ ส.ป.ก.ในพื้นที่ก่อสร้างขณะลงตรวจในครั้งแรกนั้น ส.ป.ก.ชี้แจงว่า ว่า คนงานก่อสร้างพบหลักหมุดตกอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งคาดว่าเป็นของเก่าที่สูญหายในอดีตขณะมีการลงพื้นที่ จึงน้ำมาปักไว้
ด้านนายอำนวย กล่าวว่าการตรวจสอบการออกโฉนดที่ดินแล้วพบ ว่า เป็นการออกโฉนดที่ดินที่โดยชอบและถูกต้องตามกฎหมาย โดยเจ้าของที่ดินเดิมได้ยื่นขอออกโฉนดมาตั้งแต่ปี 2531 ถึงแม้เป็นการขอออกโดยไม่มีหลักฐานใดๆ แต่เป็นการยื่นขอก่อน ที่จะมีกฎกระทรวง 43 (ปี 2537) จึงสามารถออกได้ ออกเป็นโฉนดในปี 2553 โฉนดที่ดินเลขที่ 96799 เนื้อที่ 30 ไร่เศษ ก่อนที่ เจ้าของที่ดินจะขอแบ่งแยกโฉนด เป็นแปลงที่มีการก่อสร้างบ้านพักตากอากาศหรูทั้ง 4 หลังนั้น เป็นโฉนดเลขที่ 113311 เนื้อที่ 1 ไร่ ในปี 2559 ยืนยันว่า โฉนดที่ดินชอบด้วยกฎหมาย
นายอนันต์ จันทมาศ ผู้ดูแลโครงการก่อสร้างบ้านพักตากอากาศกล่าว่า ได้สั่งการให้คนงานทำการรื้อส่วนของโรงจอดรถของบ้านหลังที่ 1 และ 3 ซึ่งผิดจากแบบที่ขอออกให้ตรงตามแบบ ส่วนของหลังที่ 2 และ 4 นั้นได้มีการยื่นแบบไว้ 3 ชั้น แต่สร้างจริงแค่ 2 ชั้น ทำให้ผิดแบบที่ยื่นขอเช่นกัน จึงต้องทำเอกสารยื่นกับเทศบาลอีกครั้ง แต่ก็ต้องรอผลสรุปจากเจ้าหน้าที่ส่วนอื่นๆอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่มีการแชร์ภาพแบบจำลองบ้านอยู่ในโซเชี่ยลนั้นยอมรับว่าเป็นภาพของบ้านดังกล่าวจริงแต่เป็นแบบบ้านเก่าที่มีการออกแบบครั้งแรก และได้ยกเลิกการใช้ เนื่องจากผิดระเบียบหลายประการ ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นแบบอื่น ส่วนที่ระบุว่าตัวบ้านทั้ง 4 หลังมีส่วนเชื่อมถึงกันผิดแบบและผิดระเบียบนั้นก็ได้อยู่ระหว่างการแก้ไข ไม่ให้เชื่อมต่อกัน
