ร้อง ผบ.ภาค 8 หลังอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้จ้างวาน คดีปี 55 คนร้ายวางเพลิงเผาทรัพย์สินและทำร้ายร่างกาย

ภูเก็ต - บ่ายวานนี้ (18 ธ.ค. 60) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 นางยุพิน ไชยทองงาม พร้อมทนายความ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียน พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผู้บัญชาการตำรวจภาค 8 จากกรณีที่อัยการไม่สั่งฟ้องผู้จ้างวานในข้อหาร่วมกันใช้ จ้างวานให้ผู้อื่นวางเพลิงเผาทรัพย์และพยายามฆ่าฯ ในความผิดฐานร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์และร่วมกันพยายามฆ่าฯ เหตุเกิดขึ้นเมื่อเดือน เม.ย. 2555 ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ของ สภ.ฉลอง

เอกภพ ทองทับ

วันอังคาร ที่ 19 ธันวาคม 2560, เวลา 11:32 น.

ภาพ เอกภพ ทองทับ

ภาพ เอกภพ ทองทับ

โดยหนังสือร้องเรียนระบุว่าได้มีคนร้ายร่วมกันบุกรุกเข้าไปก่อเหตุวางเพลิงเผาทรัพย์สินสำนักงานของบริษัทภูเก็ต เฮลตี้นูทรีเม้น จำกัด ในเวลากลางคืนจนเกิดเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายและคนร้ายยังได้ร่วมกันทำร้ายพยายามฆ่านายอนุชิต ไทรทองงาม พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทฯ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นพิการ เป็นคดีอาญาอุกฉกรรจ์ร้ายแรง คนร้ายร่วมกันกระทำความผิดอย่างอุกอาจ ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง

ทั้งยังระบุอีกว่า เหตุการณ์นี้เกิดกลางใจเมืองภูเก็ตอันเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย ซึ่งคดีนี้ ผู้ร่วมกันกระทำความผิดโดยเฉพาะผู้จ้างวานมีอิทธิพลเป็นหลานของนายตำรวจระดับสูง หลังเกิดเหตุการณ์ทำงานของเจ้าหน้าที่สืบสวนและพนักงานสอบสวนถูกแทรกแซงมาตลอด ทำให้การสืบสวนสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษมีความล่าช้า ไม่คืบหน้า พยานหลักฐานต่างๆ ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ถูกตัดตอนซ่อนเร้น เห็นได้ถึงความไม่ปกติ ทางผู้เสียหายในคดีนี้คือ บริษัทภูเก็ต เฮลตี้นูทรีเม้น จำกัด ที่ 1 และ นายอนุชิต ไทรทองงาม ที่ 2 จึงได้เดินหน้าร้องขอความเป็นธรรมกับหลายหน่วยงานเพื่อให้มีการสืบสวนสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาและเร่งรัดติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนิน
คดีตามกฎหมาย

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนจนทราบตัวคนร้ายที่ก่อเหตุและทราบถึงตัวผู้บงการว่าจ้างให้กระทำความผิดในคดีนี้โดยมีพยานบุคคลทั้งที่ได้เป็นผู้ร่วมก่อเหตุและร่วมเดินทางไปกับกลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งผู้จ้างวานทั้ง2รายเป็นบุคคลที่ต้องการทำลายธุรกิจของผู้เสียหายเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของตนเองที่มีการแข่งขันกัน

โดยทางกองปราบปรามได้ส่งรายงานการสืบสวนมายัง สภ.ฉลอง แต่พบว่าเอกสารรายงานการสืบสวนดังกล่าวได้มีการเก็บดองไว้ ไม่ยอมส่งให้พนักงานอัยการหรือนำเข้าสำนวนการสอบสวนทั้งๆที่เป็นพยานหลักฐานสำคัญ ทำให้การฟ้องผู้ต้องหาคนแรกเป็นช่องให้ศาลพิพากษายกฟ้อง เห็นได้ถึงอิทธิพลของฝ่ายผู้ต้องหาที่สามารถเข้าไปแทรกแซงการสอบสวนจนเกิดความเสียหาย ทางผู้เสียหายทั้งสองจึงจำเป็นต้องเดินหน้าร้องหาความเป็นธรรมและทำให้มีการรื้อฟื้นทำการสอบสวนเรียกผู้เสียหายทั้งสองไปร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับผู้ร่วมกันจ้างวานขึ้นมาใหม่

BAAN KRU JAY INTERNATIONAL KINDERGARTEN

ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามผู้สืบสวนได้มาพร้อมทั้งสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมและนำไปสู่การดำเนินคดี กับ ตำรวจหญิงระดับรองผู้กำกับและสามี ในข้อหา ร่วมกันใช้ จ้างวาน ให้ผู้อื่นวางเพลิงเผาทรัพย์ และพยายามฆ่าฯ หลังจากที่พนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมาเป็นเวลาระยะหนึ่ง ก็ได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองและพวก ส่งสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ต พิจารณาในวันศุกร์ ที่ 24 พ.ย. 60 ต่อมาเช้าวันจันทร์ที่ 27 พ.ย. 60 อัยการจังหวัดภูเก็ต ก็มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองกับพวก

นางยุพิน มารดาของนายอนุชิต กล่าวว่า ลูกชายซึ่งเป็น รปภ.ในวันเกิดเหตุได้รับความเสียหายจากการถูกกระทำอันละเมิดต่อกฎหมายบ้านเมือง รู้สึกผิดหวัง ที่อัยการสั่งไม่ฟ้องผู้กระทำผิด ทั้งๆที่พวกตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ จึงเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.สรศักดิ์ ขอความเป็นธรรม เพื่อให้คดีนี้ได้มีโอกาสเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล ให้ศาลได้ทำหน้าที่สืบค้นหาความจริงจากพยานหลักฐานแล้วพิจารณาพิพากษาไปตามกระบวนการ

ด้านผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายตามกระบวนการของกฎหมายหลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุดโดยมีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานเพื่อติดตามพิจารณาคำร้องของผู้ร้องและพยานหลักฐานในการตรวจสอบคดีนี้ตามกระบวนการต่อไป

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่