ศาลอุทธรณ์ภาค 8 แก้โทษสั่งประหารเพิ่ม 1 ราย คดี ‘บังฟัต’ ฆ่ายกครัว 8 ศพ

กระบี่ - ศาลอุทธรภาค 8 อ่านคำพิพากษาคดี “บังฟัต” และพวกรวม 8 คน ฆ่ายกครัวผู้ใหญ่วรยุทธ สังหลัง รวม 8 ศพโดยอ่านคำพิพากษาเฉพาะในส่วนของจำเลยที่ 7 และจำเลยที่ 8 เท่านั้น เนื่องจากจำเลยที่ 1-6 รวมบังฟัต ไม่ได้ถูกนำตัวมาที่ศาล สำหรับจำเลยที่ 7 และ 8 นั้นศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก และปัจจุบันพ้นโทษออกมาแล้ว โดยในวันนี้ (9 ก.ค.) ศาลอุทธรณ์ภาค 8 แก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นจำเลยที่ 7 จากโทษจำคุก 1 ปี 9 เดือน เป็นประหารชีวิต ส่วนจำเลยที่ 8 ตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น โทษจำคุก 12 เดือน

ข่าวภูเก็ต

วันอังคาร ที่ 9 กรกฎาคม 2562, เวลา 17:42 น.

ภาพ โพสต์ทูเดย์

ภาพ โพสต์ทูเดย์

สํานักข่าวไทย TNAMCOT รายงานว่า วันนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 แก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นจำเลยที่ 7 จากโทษจำคุกเป็นประหารชีวิต เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 7 คือนายธวัชชัย บุญคง ได้ร่วมกันปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และมีเจตนาในการกระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่ 1-6 ตั้งแต่ต้นแล้ว แม้ว่าจำเลยที่ 7 จะไม่ได้อยู่ร่วมภายในบ้านขณะจำเลยที่ 1-6 ร่วมกันฆ่าผู้ใหญ่วรยุทธและสมาชิกในครอบครัวก็ตาม นอกจากนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ยังให้จำเลยที่ 7 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ร้องที่ 1-8 รวมเป็นเงิน 5 ล้านบาท โดยให้ชดใช้นับตั้งแต่วันที่ผู้ร้องร้อง คือ ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560ส่วนจำเลยที่ 8 คือ นางชลิดา สังข์โชติ ตัดสินยืนโทษจำคุก 12 เดือนตามศาลชั้นต้น เนื่องจากมองว่าไม่ได้มีเจตนาร่วมในการกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1-7

ผู้ต้องหาทั้ง 8 คนที่ร่วมกันก่อเหตุ ประกอบด้วย นายซูริก์ฟัต บ้านนพวงศ์สกุล หรือ บังฟัต อายุ 41 ปี 2. นายประจักษ์ บุญทอย (จักร์) อายุ 36 ปี 3. นายคมสรรค์ เวียงนนท์ (ม่อน) 4. นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ (เลาะห์) อายุ 30 ปี 5. นายธวัฒชัย บุญคง (ชัย) อายุ 37 ปี 6. นายอรุณ ทองคำ (กี้ร์) อายุ 29 ปี 7. นายธนชัย จำนอง (โกบ) อายุ 41 ปี และ 8. นางสาวชลิตา สังข์โชติ อายุ 41 ปี

สำหรับคดีสะเทือนขวัญดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 10 ก.ค. โดย นายซุริก์ฟัต ซึ่งปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช พร้อมพวก รวม 8 คน แต่งกายชุดคล้ายทหารบุกเข้าไปจับตัวนายวรยุทธ และคนในครอบครัว รวมญาติ ๆ ทั้งสิ้น 11 คน ขังไว้ตามห้องต่าง ๆ ภายในบ้านพัก จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนของนายวรยุทธ จ่อยิงศีรษะทีละคน แต่มีผู้รอดชีวิต 3 คน สาเหตุเกิดจากความยัดแย้งเรื่องโฉนดที่ดิน ที่พ่อตานายวรยุทธ นำไปจำนองไว้กับนายซูริก์ฟัต จนกระทั่งได้มีการผ่อนชำระจนหมด แต่นายซูริก์ฟัตนำที่ดินไปจำนองไว้กับทางธนาคาร ไม่สามารถนำหลักฐานที่ดินกลับมาคืนให้ได้ จึงเกิดการทวงถามหลายครั้ง ส่งผลให้เกิดความขัดแย้ง นายซูริก์ฟัตจึงวางแผนก่อเหตุ โดยจัดฉากว่านายวรยุทธ เครียดเนื่องจากมีปัญหาเรื่องหนี้สิน จึงก่อเหตุฆ่าคนในครอบครัวและฆ่าตัวตายตาม หลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมกลุ่มคนร้าย หลังจากเกิดเหตุ 5วัน พร้อมของกลางหลายรายการ จนนำมาสู่คำพิพากษาประหารชีวิตเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2561 (อ่านเพิ่มเติม คลิก)

BAAN KRU JAY INTERNATIONAL KINDERGARTEN

สํานักข่าวไทย รายงานอีกว่า ภายหลังจากหลังศาลอุทธรณ์ภาค 8 อ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น ครอบครัวของผู้ใหญ่วรยุทธ ที่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา ซึ่งรวมถึงนางอัญชลี บุตรเติบ ผู้รอดชีวิตจากการฆ่ายกครัว กล่าวว่า พอใจกับคำตัดสินระดับหนึ่งแต่ยังไม่ 100% และจะขอใช้สิทธิยื่นศาลฎีกาในส่วนคำพิพากษาของจำเลยที่ 8 ต่อไป เพราะทางครอบครัวคิดว่าจำเลยที่ 8 สมควรที่จะได้รับบทลงโทษที่รุนแรงกว่านี้

โดยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ในวันนี้ ที่มีการแก้โทษศาลชั้นต้น จะถูกส่งไปอ่านที่ เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชอีกครั้ง

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่