อ.ธรณ์ ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว Thon Thamrongnawasawat ว่า “ส่งสามภาพที่แค่เห็นก็น้ำตาซึมมาจากเกาะพีพี เพื่อบอกเพื่อนธรณ์ว่า แนวปะการังอ่าวมาหยากำลังฟื้นครับ ! ปะการังและปะการังอ่อนโตเร็วจนแทบไม่น่าเชื่อ ลูกฉลามนับสิบตัวเข้ามาหากินในอ่าวทุกวัน อดใจรออีกนิด เราจะเห็นการกลับมาของสรวงสวรรค์อย่างแน่นอน”
พร้อมพรรณนาถึงความยินดีที่ได้ทำตามสัญญาที่ให้เอาไว้กับอ่าวมาหยา ด้วยว่า “หากย้อนกลับไปเมื่อ 1 ปีก่อน บอกว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในวันนี้เป็นเรื่องจริง เราคงหัวเราะ เป็นไปได้อย่างไรที่ในอ่าวมาหยาจะไม่มีเรือสักลำ เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเรากำลังลงน้ำไปปลูกปะการังที่อ่าวมาหยา เพราะวันนั้น วันวาน ในอ่าวน้ำตื้นเต็มไปด้วยเรือวิ่งสับสน นับได้ครั้งละ 50-60 ลำ บนหาดเต็มไปด้วยผู้คนนับพัน แม้แต่ที่ยืนยังแทบจะไม่มี”
“แต่วันนี้ พวกเรากำลังนำปะการังจากแปลงเพาะชำมาตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ปะการังพวกนี้เคยอยู่ที่เกาะยูง แต่โดนคลื่นลมพัดจนล้มคว่ำ เราไปเก็บมาก่อนนำไปพักฟื้นไว้ที่แปลงลอยน้ำริมเกาะพีพีดอน รอเวลาจนเธอฟื้นคืน ก่อนพาเธอมาที่อ่าวมาหยา ปะการังแต่ละกิ่งถูกตัด แต่ไม่ต้องห่วง เธอไม่ตาย ปะการังชิ้นหนึ่งมีตัวปะการังเล็ก ๆ นับร้อยนับพัน เรานำเธอไปยึดติดกับก้อนปะการังตาย แปะไว้ด้วยกาวพิเศษ จากนั้นเธอจะเริ่มสร้างตัวเองอีกครั้ง สร้างหินปูนมายึดเกาะกิ่งไว้ด้วยตัวเอง
“ตัวปะการังที่อยู่บนยอด จะโตขึ้นและโตขึ้น โตเหมือนกับรุ่นพี่กิ่งอื่น ๆ ที่เราเคยนำมาแปะไว้ เมื่อเดือนก่อน เดือนก่อน และเดือนก่อน ๆ ตัวเลข 365 ถูกเขียนไว้บนพื้นทราย ไม่ใช่เป็นการบอกใบ้อะไร แต่เป็นจำนวนปะการังที่เรานำลงไปในวันนี้ เป็นตัวเลขเท่ากับจำนวนวันในหนึ่งปี เป็นตัวเลขที่เราตั้งใจจะทำให้ได้ และก็ได้ตามจำนวนนั้น เมื่อรวมกับปะการังครั้งก่อนและครั้งก่อน เราปลูกปะการังไปแล้วเกือบ 2,000 กิ่ง แต่นั่นยังน้อยนิด เมื่อเทียบกับปะการังอีกหลายพันที่กำลังถือกำเนิดเกิดขึ้นใหม่”
บทความที่ อ.ธรณ์เขียนขึ้นนั้นได้มีผู้ติดตามเข้ามาแสดงความคิดเห็นและกล่าวชื่นชมเป็นจำนวนมาก ซึ่งในช่วงท้ายแฟนพันธุ์แท้ทะเลไทยก็ได้สอดสานถ้อยคำขอโทษต่อปะการังที่ยืนขึ้นสู้เพื่อพวกเขาช้าเกิดไป ปล่อยให้ปะการังเหล่านั้นถูกย่ำยีเสียนาน พร้อมกับให้คำมั่นสัญญากับเหล่าปะการังน้อยว่า เขาเหล่านั้นจะได้เติบโตในน้ำใสแห่งอ่าวมาหยา และทะเลจะแสดงให้เห็นว่า ทำไมพีพีถึงเคยเป็นเกาะสวยที่สุด 1 ใน 5 ของโลก และปะการังเหล่านี้จะทำให้พีพีกลับมาเป็นเกาะที่สวยที่สุดในโลกอีกครั้ง
“เมื่อเรายืนแล้ว เราจะไม่ล้ม มันจะไม่มีการถอยหลังอีกแล้ว! จะไม่มีเรือท่องเที่ยวเข้ามาในอ่าวมาหยาอีกแล้ว จะไม่มีทรายฟุ้งกระจายท่วมทับพื้นอีกต่อไป” อ.ธรณ์ กล่าว
