นางสาววาสนา สุขแก้ว อายุ 27 ปี ผู้แจ้งซึ่งเป็นเจ้าของร้านเครื่องดื่ม- เบเกอรี่ ชื่อร้านบานาน่า คอฟฟี่เฮ้าส์ ตั้งอยู่บริเวณ เส้นทางหาดราไวย์-หาดในหาน เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวสาวชาวต่างชาติขอความช่วยเหลืออยู่ที่หน้าร้าน โดยระบุว่าโดนข่มขืน ขอให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบด้วย และขอให้พาตัวไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย เพราะมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต(ศูนย์ไข่มุก) ได้เดินทางมาเพื่อรับตัวนทท.คนสาวชาวอังกฤษรายดังกล่าว ซึ่งอยู่ในอาการตื่นตกใจ และร้องไห้ตลอดเวลา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่ง รพ.ฉลอง และส่งต่อไปยัง รพ.วชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์ทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด
น.ส.วาสนา อธิบายเหตุการณ์ว่า เช้าวันนี้ขณะที่ตนเองอยู่ที่ร้านได้มีนทท.สาวชาวต่างชาติคนดังกล่าวเดินเข้ามาภายในร้านด้วยอาการอิดโรย โดยนั่งอยู่ที่พื้นปูนหน้าร้านและร้องไห้บอกว่าถูกทำร้ายและถูกข่มขืน โดยบอกอีกว่าปวดท้องและขอเข้าห้องน้ำ แต่ตนก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจับใจความถูกต้องหรือไม่ จึงได้ขอความช่วยเหลือจากคนแถวนั้นที่เข้าใจภาษาอังกฤษดีกว่าตน ซึ่งในภายหลังหญิงสาวก็ได้แจ้งผ่านล่ามที่มาช่วยแปลว่ากลัวจะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จากนั้นตนจึงรีบแจ้งไปยังศูนย์ 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมารับตัวดังกล่าว
จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า นักท่องเที่ยวคนดังกล่าว(ขอสงวนชื่อ) อายุ 24 ปี เป็นนทท.ชาวอังกฤษ พักที่โรงแรมในพื้นที่ ต.กะรน ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาได้ไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งใกล้กับหาดกะตะ โดยได้ดื่มกินกับเพื่อนชายชาวไทยที่เพิ่งรู้จักกันในสถานบันเทิงจนเมา จากนั้นจึงได้ขอให้เพื่อนชายไทยคนดังกล่าวมาส่งที่ห้องพักและจำอะไรไม่ได้ เนื่องจากเมามายไม่ได้สติ มาทราบอีกทีเมื่อช่วงเช้าว่าอยู่ในพื้นที่ต.ราไวย์ และพบว่าตนเองมีร่องรอยคล้ายถูกข่มขืนจึงวิ่งออกมา ก่อนเข้าไปขอความช่วยเหลือให้พาไปตรวจร่างกาย
หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนสภ.ฉลอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว และชุดสืบสวน สภ.ฉลองได้พาตัวนทท.สาวไปตรวจร่างกายที่ รพ.วชิระภูเก็ต ก่อนให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำนทท.สาวเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน จนท.ชุด สืบสวนฯลงพื้นที่ตรวจสอบกล้อง CCTV เพื่อติดตามตัวชายไทยซึ่งถูกระบุถึงมาสอบปากคำตามขั้นตอน ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ทราบตัวชายไทยคนดังกล่าวแล้ว อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบสวนว่ากระทำการทำร้ายร่างกายหรือข่มขืนจริงหรือไม่ต่อไป