หนุ่มอยากยาคลุ้มคลั่งควงสปาต้า มีดจ่อคอ เครียดขอเงินแม่ไม่ได้ 

ภูเก็ต - เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 12 ม.ค. 64 ศูนย์รับแจ้งเหตุ สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในซอยหอเขียว ซอย 31 ถนนศักดิ์ดิเดช ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต มีชายคลุ้มคลั่งใช้มีดจ่อคอตัวเองเดินกระวนกระวายและไล่ทำร้ายคนอื่น อยู่หน้าห้องพัก 

เอกภพ ทองทับ

วันพุธ ที่ 13 มกราคม 2564, เวลา 11:43 น.

หลังรับแจ้ง จึงได้แจ้งพ.ต.ท.บุญชัย เจริญหัตถกิจ สวป.สภ.เมืองภูเก็ต จึงพร้อม พ.ต.ต.พีรสิทธิ์ หนูพยันต์ สว.กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจสภ.เมืองภูเก็ต|และเจ้าหน้าที่ นปพ.ภ.จว.ภูเก็ต กว่า 20 นาย รุดไปยังที่เกิดเหตุ พบชายคลุ้มคลั่ง สวมกางเกงกีฬาขาสั้นสีเขียว มือด้านซ้ายถือมีดสปาต้า ส่วนด้านขวาใช้มีดจ่อที่ลำคอของตนเอง 

ทราบชื่อภายหลังว่า ชื่อนายมีน อาชาพงษ์ อายุ 29 ปี เป็นคนจังหวัด นครศรีธรรมราช มาพักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 20/14 บริเวณที่เกิดเหตุเป็นหอพัก ชื่อหอเขียว อยู่ในซอย 31 ที่เกิดเหตุ เป็นห้องแถวเจ้าของปล่อยให้เช่ารายเดือน ซึ่งผู้ก่อเหตุได้พักอาศัยอยู่คนเดียว ส่วนแม่กับน้องสาวที่พิการพักอยู่อีกห้อง พี่ชาย ภรรยาและลูกสาว พักอยู่อีกห้อง รวม 3 ห้องอยู่ติดกัน 

ช่วงเวลาที่เกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้เกิดอาการคุ้มคลั่ง ออกมาจากห้องพักในมือกำมีดสปาต้า และอีกมือหนึ่งใช้มีดทำครัวจี้ได้ที่คอตัวเองบอกกับคนที่ผ่านไปผ่านมาว่าไม่ให้ใครเข้ามายุ่งและห้ามคนเข้าใกล้มิฉะนั้นจะแทงคอตัวเองให้ตาย 

เวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อนสนิทที่เคยทำงานด้วยกัน และผู้ก่อเหตุเคยไปหาที่บ้านได้เข้ามาพูดคุยเข้าไปถามผู้ก่อเหตุที่ห้องพัก โดยยืนอยู่หน้าห้องและเรียกผู้ก่อเหตุออกมาคุยกัน แต่ผู้ก่อเหตุไม่เปิดประตูออกมา บอกแต่เพียงว่าอยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ไม่อยากพบปะใคร และถามถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าออกไปหรือยัง เพื่อนจึงบอกว่าตำรวจออกไปแล้วไม่มีใครอยู่แล้ว จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ได้เปิดเพลงเสียงดังออกมาถึงข้างนอก หลังจากนั้นเพื่อนได้เข้ามาพูดคุยสอบถามผู้ก่อเหตุ เพราะน่าจะสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว

นายสมเชาว์ มัฏฐาพันธ์ อายุ 40 ปี เป็นเพื่อนผู้ก่อเหตุ เล่าว่า รู้จักผู้ก่อเหตุมาประมาณปีกว่าแล้วปกติ เพื่อนทำมาหากินเป็นช่างสแตนเลสอยู่ในเมืองช่วงระยะหลังเห็นเพื่อนบอกว่าตกงานอยู่ประมาณ 4-5 เดือนแล้ว เพื่อนน่าจะเครียดเรื่องไม่มีงาน และประกอบกับเคยไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสราญรมย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานีมาแล้วหนึ่งครั้ง โดยแม่เขาพาไป ตนคิดว่าเพื่อนน่าจะขาดยาแต่ได้สอบถามแม่ของเพื่อนแล้วว่ายายังมีอยู่ลูกชายกินตลอดเวลา

ด้านพี่ชายผู้ก่อเหตุเปิดเผยว่า แม่เคยพาน้องชายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสราญรมย์ที่สุราษฎร์ธานีแล้ว 1 ครั้ง กลับมาก็ดีขึ้นแต่น้องชายก็หวนกลับมาเสพยาอีก วันนี้จึงมีอาการคลุ้มคลั่ง เพราะไม่มีเงินซื้อยามาเสพ น้องชายเคยขอเงินจากแม่ได้แต่วันเกิดเหตุแม่ไม่มีเงินให้ น้องชายเลยขาดยาแล้วคลุ้มคลั่งไม่ให้ใครเข้ามาใกล้ โดยใช้มีดสปาต้าจ่อที่คอตัวเอง ยืนตะโกนส่งเสียงดังบอกไม่ให้ใครเขามาดังกล่าว

ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังพบว่าชายคนดังกล่าวมีอาการสงบลงแล้ว ก็ได้เฝ้าดูต่อไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะถอนกำลัง ทั้งนี้หากชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุได้รับความเดือดร้อน สามารถเข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อขอลงบันทึกประจำวันได้

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่