จากนั้นเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้ดำเนินการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณแยกบางคู ถ.เทพกระษัตรี ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 68 เวลาประมาณ 21.58 น. พบว่า ขณะรถยนต์คันดังกล่าวกำลังขับขี่ด้วยความประมาทหวาดเสียวนั้น ได้มีเจ้าพนักงานตำรวจปฏิบัติหน้าที่จราจร (ทราบภายหลังเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง) พบเห็นจึงได้ขับขี่ไล่ตามอย่างกระชั้นชิด จึงสามารถเห็นป้ายทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าว คือ ทะเบียน กอ 2990 ภูเก็ต (ทราบภายหลัง) แต่ไม่สามารถติดตามได้ทันเนื่องจากรถยนต์คันดังกล่าวขับขี่ด้วยความเร็วสูงไปตามถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (บายพาส) มุ่งหน้าไปยังแยกเซ็นทรัล ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต
หลังทราบเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้ว ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต, พ.ต.อ.เอกลักษณ์ บุญแสงเจริญ ผกก.สืบสวน ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมตำรวจชุดจับกุมสืบทราบรายละเอียดดังกล่าว จึงได้ดำเนินการติดตามต่อเนื่อง จนไปพบรถยนต์คันทะเบียน กอ 2990 ภูเก็ต อยู่บริเวณ ซอยเกาะแก้ว 23 เมื่อผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวพบเห็นเจ้าพนักงานชุดจับกุม จึงได้ขับขี่หลบหนี เจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงได้ดำเนินการไล่ติดตาม เพื่อทำการจับกุมและระงับเหตุ จนไปถึงบริเวณบ้านโบราณภายในซอยนานาชาติ 2 ม.2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นซอยตัน
รถยนต์คันกล่าวไม่สามารถขับขี่หลบหนีต่อไปได้ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจึงได้ลงออกจากรถยนต์ และวิ่งหลบหนีการจับกุม เข้าไปภายในป่ารก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้วิ่งไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิดจนถึงตัวผู้ขับขี่ และผู้โดยสารรถยนต์คันดังกล่าว ระหว่างการจับกุมตัวผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งสองไม่ได้สวมเสื้อ สวมเพียงกางเกงขาสั้น ได้ต่อสู้ขัดขืนการจับกุม มีการกอดรัดฟัดเหวี่ยง ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารล้มและมีบาดแผลตามร่างกาย พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมมีบาดแผลถลอกขณะเข้าจับกุม
เบื้องต้นสามารถช่วยกันควบคุมตัวไว้ได้ จึงทราบว่าบุคคลทั้งสองเป็นชาวต่างชาติผิวสี ไม่ทราบชื่อและสกุล และมีอาการมึนเมา พูดจาโวยวายอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้แจ้งว่าจะต้องถูกจับแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิของผู้ต้องหาเป็นภาษาอังกฤษผ่านแอปพลิเคชั่นแปลภาษา แต่ผู้ถูกจับทั้งสองไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ และประกอบกับเป็นเวลากลางคืนเร่งด่วน จึงไม่สามารถหาล่ามภาษาท้องถิ่นของชาวต่างชาติดังกล่าวได้
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ดำเนินการตรวจสอบจากผู้ถูกจับไม่มีเอกสารประจำตัวแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมายัง สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อถ่ายภาพหน้าตรงและลายนิ้วมือของผู้ต้องหา เพื่อไปดำเนินการตรวจสอบพิสูจน์ทราบบุคคล ปรากฏว่า พบข้อมูลในสารบบ ตรงกับบุคคลชื่อ นายอานาเมเร จอร์จ (MR.ANAMERE GEORGE) สัญชาติ ไนจีเรีย และได้ตรวจสอบพบอีกว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ลงวันที่ 21 ส.ค. 66 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในอาญาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดและมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน)ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” (หลบหนีไม่มาศาลตามกำหนดนัด) ขาดอายุความวันที่ 4 ส.ค. 81 ส่วนอีกรายยังไม่ทราบชื่อนามสกุลเพราะไม่มีเอกสารพาสปอร์ต
