เจ้าของแผงปลาหาดราไวย์ ยืนยันไม่ได้ยัดหินถ่วงนำหนักเอาเปรียบผู้บริโภค

ภูเก็ต - หลังกรณีลูกค้าหนุ่มร้องซื้อหอยหวาน 1 กก.ไปปรุงพบก้อนหิน 15 ก้อน เจ้าของแผงยอมรับว่าไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดเพราะรับซื้อต่อมาอีกทอด วอนสังคมอย่าเร่งตัดสิน ยินดีหากลูกค้าท้วงติงหรือขอเปลี่ยน

เอกภพ ทองทับ

วันอังคาร ที่ 15 สิงหาคม 2560, เวลา 11:14 น.

จากกรณีเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Chuensrinuan Kittiphon ซึ่งได้ส่งภาพพร้อมรายละเอียดมาให้ช่วยเปิดเผย และเตือนเป็นอุทาหรณ์ หลังจากที่ได้ประสบเหตุการณ์ขณะพาครอบครัวไปกินอาหารทะเลที่ร้านแห่งหนึ่งบริเวณชายหาดราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต

จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามยังผู้โพสต์ทราบชื่อภายหลังคือ นายกิตติพล ชื่นสีนวล อายุ 39 ปี ชาวอ.กะทู้ ระบุว่าเมื่อเวลาประมาณ 12.40 น. ของวันดังกล่าว ตนเองได้พาครอบครัวไปรับประทานอาหารที่หาดราไวย์ โดยได้เลือกซื้ออาหารทะเลสดๆจากแผงหน้าหาด โดยมีแม่ค้าหญิงสาวเป็นผู้ขายให้ โดยเลือกซื้อหอยหวาน 1 กิโลกรัม ในราคา 120 บาท ซึ่งตนเองก็ไม่ได้มองในถุงอย่างละเอียด แต่ก็รู้สึกว่าน้อยผิดปกติ และก็ได้เลือกซื้อของสดอย่างอื่นก่อนเดินข้ามถนนไปยังร้านชื่อย่ออักษร ม. เพื่อให้ที่ร้านปรุงให้ โดยจะเสียค่าปรุงอาหารตามแต่ละเมนู

ซึ่งตนได้สั่งให้ทำเมนูหอยหวานผัดพริกเผา แต่เมื่ออาหารปรุงเสร็จนำมาเสิร์ฟ และเริ่มรับประทาน ตนก็พบเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่จากนั้นก็เขี่ยดูก็พบว่าในจานหอยมีก้อนหินปะปนอยู่จำนวนมาก รวมๆแล้วมีประมาณ 15 -16 ก้อน โดยปะปนอยู่กับหอยหวานทั้งหมดแค่ประมาณ 30 - 40 ตัว ซึ่งหินแต่ละก้อนมีขนาดเท่าตัวหอยหวาน คือประมาณหัวแม่มือ จึงคิดว่าไม่ใช้ความบังเอิญแต่เป็นความจงใจใส่เพื่อถ่วงน้ำหนัก

ทั้งนี้ตนเองได้เสียความรู้สึกเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเสียความรู้สึกต่อแผงที่ขายหอย ว่าทำไมถึงต้องใช้หินถ่วงน้ำหนัก จงใจหลอกผู้ซื้อ ซึ่งคิดดูว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนและยุโรปจำนวนมากที่มาซื้ออาหารทะเลสดจากแผงแห่งนี้ในแต่ละวัน ซึ่งคนเหล่านั้นอาจจะเจอเข้ากับเหตุการณ์เช่นเดียวกับที่ตนเองเจอ และจะพูดถึงในด้านลบต่ออาหารทะเลราไวย์และภูเก็ตแค่ไหน อีกส่วนคือ เสียความรู้สึกกับร้านอาหารชื่อย่อ ม.ซึ่งตนเองไว้วางใจให้ปรุงอาหารให้ แต่กลับไม่เหลียวแลเรื่องสุขอนามัย คือไม่ล้างหอยวัตถุดิบให้ เพราะหากมีการล้างทำความสะอาดก็จะต้องเห็นว่ามีหินจำนวนมากปะปนอยู่ และคงไม่ปล่อยให้ตกหล่นมาถึงจานของลูกค้าอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม จึงได้นำเรื่องราวมาเปิดเผยเพื่อให้ช่วยตรวจสอบ พร้อมทั้งฝากเตือนไปถึงร้านแผงอาหารทะเลสดให้ค้าขายด้วยความซื่อตรง อย่าเห็นแก่ตัวจะทำลายชื่อเสียงของชาวราไวย์และคนภูเก็ต ขณะที่ร้านอาหารตัวย่อม.ก็ขอให้ช่วยเพิ่มความสะอาดและสุขอนามัยให้ลูกค้า ด้วยการล้างทำความสะอาดและช่วยตรวจสอบสิ่งแปลกปลอมให้ลูกค้าด้วย ไม่เช่นนั้นทางร้านก็จะพลอยเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย

ล่าสุดวันที่ 14 ส.ค.60 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังชุมชนชาวเล หาดราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต เพื่อพูดคุยกับเจ้าของร้านแผงอาหารทะเลสดซึ่งถูกอ้างถึง โดยพบว่าในชุมชนแห่งนี้มีแผงอาหารทะเลสดอยู่นับ 10 รายและในขณะเดียวกันก็มีร้านอาหารทะเลซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกเกือบ 10 ร้านเช่นกัน

HeadStart International School Phuket

เมื่อสอบถามตามพิกัดที่มีการโพสต์ก็พบว่า แผงอาหารทะเลสดดังกล่าวชื่อว่า “ชาวเล” มีนางดอกบัว ตันเก อายุ 39 ปี เจ้าของ และนางสาวกุลสตรี ศรีจันทร์ อายุ 20 ปีหลานสาว แสดงตัวพร้อมอธิบายทำความเข้าใจ

โดยนางสาวกุลสตรี เล่าว่า เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ได้มีลูกค้าชาวไทยกับครอบครัวมาซื้อหอย ซึ่งนางดอกบัว ป้าของตนเป็นคนตักหอยหวาน หรือหอยตลับให้กับลูกค้าคนดังกล่าว 1 กิโลกรัมในราคา 120 บาท โดยใช้ตะกร้าตักตามปกติ ซึ่งขณะชั่งก็ตวงเผื่อนำหนักตระกร้าบรรจุจำนวน 1 กิโลกรัมกับ 1 ขีด บวกนำหนักตระกร้าอีก 1 ขีด ซึ่งก็ไม่ได้ดูว่าติดก้อนหินไปด้วยหรือไม่ ก่อนที่ลูกค้ารายนี้จะเดินออกจากร้านไปยังร้านอาหารเพื่อปรุงอาหารตามปกติ ซึ่งก็ไม่ทราบว่ามีการล้างทำความสะอาดหรือไม่ ต่อมาตนเองก็มาทราบภายหลังว่ามีการโพสต์ภาพพร้อมข้อความที่ระบุว่าทางแผงโกงโดยการใส่ก่อนหินถ่วงน้ำหนัก จึงได้เข้าไปพูดกับผู้โพสต์เพื่ออธิบาย แต่ทางผู้โพสต์ยืนยันว่าจะโพสต์เตือน ซึ่งมีผู้เข้ามาแสดงความเห็นในเชิงเสียหายเป็นจำนวนมาก

ตนเองและคุณป้าจึงขอชี้แจงว่า จากปัญหาข้างต้นนั้น ยอมรับว่าทางร้านเองก็รับซื้อต่อมาอีกทอดหนึ่งและไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีหินหรืออะไรปลอมปนอยู่ แต่ที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของหอย ซึ่งจะมีหิน กรวด ทราย ปะปนอยู่ บางครั้งก็มีหอยตายซึ่งภายในมีดินโคลนอยู่ด้วย ซึ่งลูกค้าที่พบก็จะมีการทักท้วงและบางรายก็นำกลับมาเปลี่ยน ซึ่งทางร้านยินยอมเปลี่ยนให้และแถมเพิ่มให้อีก

ด้านนางดอกบัว กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองเป็นชาวเลมีความรู้น้อย ไม่ได้ใช้เทคโนโลยี หรือติดตามข่าวสารโซเชียลมีเดีย หากหลานสาวไม่บอกก็คงไม่ทราบว่ามีการโพสต์ปัญหาดังกล่าว แต่ยืนยันด้วยเกียรติลูกทะเลคนนึง ว่าตลอดชีวิตไม่คิดเอาเปรียบหรือหลอกลวงลูกค้า ทำลายอาชีพ ทำลายความน่าเชื่อถือของตนเองอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบเพิ่มเติมในส่วนของร้านอาหาร ชื่อย่อ ม.ที่ผู้โพสต์นำหอยไปให้ปรุง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกัน นั้นในวันที่เปิดให้บริการตามปกติ มีลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน แน่นร้าน และหมุนเวียนกันมาไม่ขาดสาย ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเบื้องต้นว่า ทางร้านจะมีการชี้แจงในส่วนที่ถูกพาดพิง ว่าปรุงอาหารโดยไม่ถูกสุขอนามัยหรือไม่นั้น ซึ่งทางร้านกล่าวว่า ต้องรอสอบถามจากผู้จัดการร้าน ซึ่งยังไม่ได้เดินทางมาที่ร้าน

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่