แพ็กดู ภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งชาวเกาหลีเหนือ

ความเชื่อที่หยั่งรากลึกลงไปในจิตวิญญาณของผู้ศรัทธา ที่ล้วนแล้วแต่ปลูกฝังให้นับถือผู้นำ บทความจากเอเฟพีล่าสุดรายงานเกี่ยวกับความเชื่อของชาวเกาหลีเหนือ เกี่ยวกับการถือกำเนิดของ คิม จองอิล อดีตผู้นำสูงสุดของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) เป็นหนึ่งในบุคคลทรงอำนาจที่สุดของโลก กระทั่งรัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศการถึงแก่อสัญกรรมของเขาเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 ก่อนที่ตำแหน่งผู้นำจะถูกสืบทอดผ่านไปยังมือของบุตรชายอย่าง คิม จองอึน

ข่าวภูเก็ต

วันอาทิตย์ ที่ 29 กันยายน 2562, เวลา 09:00 น.

เชื่อกันว่าบิดาของคิม จองอึน ผู้นำและประมุขของเกาหลีเหนือคนปัจจุบันเกิดมาในกระท่อมไม้ธรรมดา บนเนินเขาอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแน่นอนว่าไกด์ คิม อึนซิม เองก็มิได้มีข้อกังขาใด ๆ “ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา” เธอกล่าวกับ เอเอฟพี

ผู้คนที่อาศัยอยู่ดินแดนทางเหนือนั้นไม่เชื่อในพระเจ้า พวกเขาแสดงออกอย่างชัดเจนผ่าน “จูเช” (Juche) แนวคิดอันเป็นรากฐานของสังคม ภายใต้อุดมการณ์ที่ประกาศว่า “มนุษย์มีอำนาจเหนือทุกสิ่ง” แต่เหมือนกับว่าศัพท์ทางศาสนามากมายแฝงอยู่ที่ภูเขาแพ็กดู (Mount Paektu) หรือภูเขาฉางไป๋ในภาษาจีน ภูเขาไฟมีพลังชนิดกรวยภูเขาไฟสลับชั้น ตั้งอยู่บนพรมแดนของจีนกับเกาหลีเหนือ

ที่แห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นแหล่งกำเนิดทางจิตวิญญาณของประเทศเกาหลี อ้างตามหลักความเชื่อแต่ดั้งเดิมของเปียงยาง คิม จองอิล บุตรชายของคิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งดินแดนทางเหนือได้กลับมาจุติบนโลกใบนี้ ณ บริเวณค่ายกองโจรลับบนเนินเขา เป็นสถานที่ซึ่งบิดาของเขาใช้เป็นจุดบัญชาการการสู้รบกับเจ้าอาณานิคมญี่ปุ่น

ในปัจจุบันกลายเป็นที่แสวงบุญสำหรับชาวเกาหลีเหนือ ที่ในทุกปีจะมีชาวเกาหลีเหนือเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้นับหมื่นคน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก ให้นับถือและให้ความเคารพบูชาต่อเหล่าผู้นำของพวกเขา

“คิม จองอิล เกิดมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันยากลำบาก” ไกด์คิม กล่าว “เขาไม่ได้เกิดมาในบ้านที่ใหญ่โตหรูหรา แต่อยู่ในกระท่อมไม้ธรรมดาอันแสนต่ำต้อย ในช่วงฤดูหนาวอันแสนโหดร้าย ที่อุณภูมิอยู่ที่ -40 องศา”

ไกด์คิมเล่าต่อไปอีกว่า อาหารที่แม่ของเขา คิม จองซุก หญิงผู้เป็นหนึ่งในนักต่อสู้เพื่ออิสรภาพ หามาป้อนเขาได้นั้นมีเพียงซุปที่ทำมาจากสมุนไพรภูเขาและข้าวโพดตากแห้งเท่านั้น

“เหล่านักสู้รบแบบกองโจรปาดน้ำตาด้วยความสงสารนายพลของพวกเรา ผู้ซึ่งมีอายุเพียงไม่กี่เดือน ที่กำลังอดอยาก จากนั้นพวกเขากลับมาที่กระท่อมพร้อมกับอาหารและนมแพะ”

เรื่องราวนี้มีความละม้ายคล้ายคลึงกับการประสูติของพระเยซูคริสต์ จากดวงดาวที่เปล่งประกายระยิบระยับบนท้องฟ้า ถือกำเนิดในความทุกข์ยาก และความปรารถนาดีที่ซึ่งถูกมอบเป็นของขวัญให้แก่ผู้มาใหม่และผู้นำในอนาคต

ไกด์คิมกล่าวว่าค่ายลับซึ่งไม่เคยตกอยู่ในความครอบครองของญี่ปุ่นกว่า 9 ปี คือกองบัญชาการใหญ่ของคิมอิลซุง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2479 ที่ซึ่งเขาเดินทางข้ามประเทศเกาหลีและไปตั้งฐานทัพในประเทศจีน “เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการบรรลุเป้าหมายแห่งการปลดปล่อยประเทศสู่อิสระ”

สายเลือดแห่งแพ็กดู
พรรคแรงงานของเกาหลีและตระกูลคิม ใช้หลักฐานจากการกล่าวอ้างอย่างชอบธรรม จากบทบาทสำคัญของ คิม อิลซุง ในการต่อสู้เพื่อเอกราชของชาติ ตำนานดั้งเดิมของเกาหลีระบุว่า ประชาชนสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าทันกุน ถือกำเนิดบนภูเขาแพ็กดู เป็นเทพเจ้าที่มาจากสวรรค์สู่โลก และหมีกลายร่างเป็นผู้หญิง

การเกิดของคิมจองอิลในสถานที่เดียวกันนั้น ทำให้ตระกูลผู้ปกครอง มั่นคงในประเพณีอันเดียวกัน แนวคิดในการเสริมกำลังแห่งแดนเหนือ คือการสืบทอดความเป็นลายเลือดแห่งแพ็กดู โดยลูกชายของเขาและผู้สำเร็จ คิม จอง อึน

Berda Claude International School of Phuket (BCIS)

นักประวัติศาสตร์จากภายนอกกล่าวว่า ผู้ก่อตั้งคิมใช้เวลาการทำสงครามส่วนใหญ่นอกประเทศ ในฐานะกองโจรพลัดถิ่นที่ต่อสู้กับกองกำลังญี่ปุ่นในประเทศจีน ก่อนจะเป็นผู้บัญชาการกองพันทหารในกองทัพโซเวียต

ซึ่งบันทึกของโซเวียตระบุไว้ว่าลูกชายของเขาเกิดที่หมู่บ้านห่างไกลทางทิศตะวันออกของรัสเซีย ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2484 ซึ่งเป็นเวลา 1 ปีเต็มก่อนหน้าวันเกิดอย่างเป็นทางการของเขา

ไกด์คิมอธิบายว่า ภายหลังสงครามค่ายแห่งภูเขาแพ็กดูก็สูญสลายไปในป่าแต่ คิม อิลซุง สามารถจดจำตำแหน่งได้ในการลงพื้นที่เมื่อปี 2529 และสั่งให้มีการก่อสร้างกระท่อมจำนวนสามหลังขึ้นมาใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจว่า คนรุ่นหลัง ๆ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ “ประเทศของเราที่เขาได้ต่อสู้เพื่อปกป้องจนได้รับชัยชนะมาด้วยเลือดของเขา”
“มันเป็นความปรารถนาอันแรงกล้าของพวกเราทุกคน ที่จะต้องเดินทางไปยังค่ายลับแห่งนั้น” เธอกล่าว

เสาหลักแห่งจิตวิญญาณ
ในทุก ๆ ปีชาวเกาหลีเหนือจำนวนกว่าหนึ่งแสนคนหรืออาจมากกว่านั้น จะถูกพาตัวไปศึกษาดูงานที่ค่ายแห่งนี้ รวมถึงภูเขาและบริเวณใกล้เคียงซึ่งมีประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ ที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานแห่งการปฏิวัติ ที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี

กลุ่มคนที่บรรจงการแต่งกายในเครื่องแบบสีกากีคล้ายกับชุดกองโจรและถือธงสีแดง เดินไปที่บริเวณยอดของภูเขาไฟที่ปรากฏข้อความที่จารึกด้วยลายมือของคิมจองอิล ซึ่งระบุเอาไว้ว่า “ภูเขาแพ็กดูคือภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งการปฏิวัติ” และแผ่นจารึกบริเวณริมเขาประกาศว่าคิมจองอึนเป็น “อีกหนึ่งวีรบุรุษผู้ไม่มีใครเทียบเทียมแห่งแพ็กดู”

กลุ่มนักแสดงต้อนรับผู้มาเยือนต่างก็ร้องเพลงต่าง ๆ มากมาย มีความหมายเช่น “พวกเราจะไปภูเขาแพ็กดู” พร้อมไปกับการพายเรืออย่างสนุกสนานในทะเลสาบชอนจี ซึ่งเป็นทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟที่ได้ชื่อว่า “ทะเลสาบสวรรค์”

สำหรับกลุ่มผู้ใช้แรงงานธรรมดามันอาจจะเป็นทริปในระยะสองหรือสามวัน แต่สำหรับนักเรียนนักศึกษากำหนดการมาตรฐานคือ 4 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่กล่าว ซึ่งรวมถึงช่วงเวลาของการทำงานอาสา ภายในสถานที่ก่อสร้างหรือโครงการอื่น ๆ อีกด้วย

“ทุกคนต้องการเสาหลักแห่งจิตวิญญาณ” รี ยงเมียง อายุ 30 ปี ผู้ที่กำลังศึกษาวรรณคดีเกาหลี ณ มหาวิทยาลัยคิมอิลซุง ในเปียงยาง กล่าวหลังจากรับราชการทหารมาเป็นเวลากว่า 10 ปี

“แทนที่จะเป็นความมั่งคั่งหรือเกียรติยศ ประชาชนชาวเกาหลียึดถือ “ภูเขาแพ็กดู” ซึ่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์และภูเขาแห่งผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของเรา ในฐานะเสาหลักแห่งจิตวิญญาณ ร่างกายของฉันเต็มไปด้วยจิตวิญญาณและพลังแห่งเขาแพ็กดู และฉันเองก็สามารถแสดงความซื่อสัตย์ต่อผู้นำ แม้แต่จะเป็นการบดกระดูกและเนื้อหนังของฉันเอง”

ชาวเกาหลีเหนือทั่วไปจะแสดงความสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วยหัวใจต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อพูดคุยกับสื่อต่างประเทศ แต่เจ้าหน้าที่ชาวตะวันตกผู้มีความรู้เกี่ยวกับคาบสมุทรแห่งนี้ กล่าวแทนผู้คนมากมายว่า ความเชื่อนั้นถูกปลูกฝังอย่างลึกล้ำ คำสอนของแดนเหนือเป็นการ “แผ่ซ่านครอบคลุมไปทั่ว” เขากล่าว พร้อมเปรียบเทียบกับ “ยุคกลางยุโรป บทบาทของคริสตจักรและหลักคำสอนทางศาสนา”

“สำหรับบุคคลคนทั่วไป พวกเราไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร”

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่