โชเฟอร์รถตู้ป้ายเหลืองส่งท้ายปี ชักปืนขู่หนุ่มใหญ่กลางไฟเเดง

ชายคนดังกล่าวได้ให้เพื่อนถ่ายคลิปขณะขับรถติดตามไว้ก่อนเเจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะสามารถควบคุมตัวคนขับรถตู้พร้อมของกลางอาวุธปืนที่ใช้ข่มขู่ได้ในที่สุด

บันทึกประจำวันของเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ผู้เสียหายชื่อ นายเผด็จ บุญแก้ว อายุ 50 ปี ได้เล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เกิดขึ้นเวลาประมาณ 10.30 น. ของวันที่ 28 ธันวาคม ที่ผ่านมา

ขณะที่ตนเองเเละเพื่อนกำลังขับรถจากฝั่งโรงเรียนดาราสมุทร กำลังจะเข้าแยกดาราสมุทรหรือแยกเซ็นทรัล เพื่อมุ่งหน้าไปทางอ.กะทู้ ตนเองได้วิ่งรถในช่องซ้าย และขณะนั้นมีรถตู้คันหนึ่งวิ่งมาจากฝั่งเเยกนาคาและเลี้ยวซ้ายจะไปทางอ.กะทู้ เช่นกัน โดยรถตู้คันดังกล่าวพยายามเเซงเข้าช่องซ้าย เเต่ตนเองไม่ได้หลบให้เพราะขณะนั้นการจราจรติดขัด มีรถตามหลังหลายคัน เมื่อผ่านสี่เเยกไฟเเดงไปได้ รถตู้คันดังกล่าวได้พยายามขับเเซงเเละเบรกกระทันหัน เพื่อให้รถของตนชน เเต่ตนเองเบรกชะลอรถทันหลายครั้ง

เมื่อถึงไฟแดงบางใหญ่ ซอยนาเสือ ก่อนถึงห้างแม็คโคร รถได้ติดไฟเเดง ตนเองได้ลงจากรถเพื่อไปสอบถามว่าเหตุใดจึงขับรถในลักษณะดังกล่าว แต่ถูกชายคนขับรถตู้ด่าทอว่าไม่ยอมหลบให้ ตนเองสวนกลับไป เเละมีการโต้เถียงกัน ก่อนชายคนดังกล่าวจะชักอาวุธปืนไม่ทราบขนาดขึ้นมาขู่ ตนเองจึงรีบเดินกลับไปขึ้นรถและขับรถติดตามในระยะไกล เเละให้เพื่อนที่นั่งมาด้วยถ่ายคลิป จากนั้นได้โทรเเจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผ่านสายด่วน 191 เพื่อแจ้งเหตุพร้อมขอความช่วยเหลือตรวจสอบ

ทั้งนี้ รถตู้คันดังกล่าวเป็นรถตู้โตโยต้า คอมมูเตอร์ สี น้ำตาล ป้ายเหลือง ทะเบียน 30 - 9144 ภูเก็ตมีสติ๊กเกอร์ข้างรถว่า “อรุณ เครือจันทร์” ขับมุ่งหน้าเข้าไปยังเทศบาลเมืองป่าตองโดยใช้เส้นทางถนนผังเมืองสายกอ ซึ่งหลังรับเเจ้งประสานต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ป่าตอง ได้ช่วยสกัดรถคันดังกล่าวได้ที่บริเวณหน้าสภ.ป่าตองและทำการตรวจค้น

จากการตรวจค้นภายในรถ พบชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 50 ปีเป็นคนขับรถ พร้อมอาวุธปืนพร้อมกระสุน ที่ใช้ก่อเหตุข่มขู่ โดยเป็นอาวุธปืนสั้นไม่ทราบขนาด มีการบรรจุกระสุน เเละใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายสีดำเบื้องต้นพบว่ามีใบอนุญาตให้มีและให้ใช้ตามกฎหมาย(ป.4) แต่ไม่มีใบอนุญาติพกพา (ป.12) เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวคนขับรถคนดังกล่าวไปสภ.ป่าตองเพื่อเเจ้งข้อกล่าวหาก่อนดำเนินคดี

นายเผด็จ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนตนเองนั้นไม่ได้เเจ้งความดำเนินคดีกับชายคนขับรถตู้คันดังกล่าว เเต่เกรงจะไม่ปลอดภัยจึงได้เข้าเเจ้งความลงบันทึกประจำวันเพิ่มเติมไว้ที่สภ.วิชิต ก่อนตัดสินใจนำเรื่องราวดังกล่าวมาเปิดเผยเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ระมัดระวัง ไม่ให้ประสบเหตุการณ์เช่นตน

และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเข้มงวดกวดขันเรื่องการพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ โดยเฉพาะในกลุ่มรถรับจ้างสาธารณะที่อาจจะเสี่ยงจะเกิดเหตุกับประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ และยังขัดเเย้งกับมาตรการความปลอดภัยของเมืองท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม ด้านนายทินกร จอมเมือง ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการรถรับจ้างสาธารณะเมืองป่าตอง ได้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า “คนขับรถตู้คันดังกล่าวคือนายอรุณ เครือจันทร์ ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มฯ โดยในวันเกิดเหตุ นายอรุณได้จอดติดไฟแดงอยู่เลนช่องจราจรซ้ายสุดของสี่แยกบางใหญ่ ซึ่งขณะนั้นคนขับกะบะคู่กรณีได้ลดกระจกลงมาถามว่า “อยู่เลนซ้ายแล้วทำไมไม่เลี้ยวซ้าย” นายอรุณจึงได้ขอโทษไป เมื่อสัญญาณไฟเขียวปรากฏจึงได้ออกรถและเปิดไฟเลี้ยวขวาเพื่อขอเข้าเลนขวา จากนั้น กระบะคันดังกล่าวซึ่งอยู่ในเลนขวาได้ขับปาดหน้านายอรุณ มาที่ช่องจราจรซ้ายและจอดรถ ก่อนจะมีชาย 2 คน เดินลงมาจากรถ คนหนึ่งถือขวดลิโพ ส่วนอีกคนหนึ่งถือเหล็กแป๊บในมือเดินมาที่รถตู้ของนายอรุณ”

“นายอรุณเห็นว่าสถานการณ์นี้ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินตน จึงได้นำปืนของตนออกมาเพื่อป้องกันตัวตามสัญชาติญาณ เมื่อชายทั้งสองเดินมาที่รถ นายอรุณจึงได้ลดกระจก เมื่อชายทั้งสองเห็นดังนั้นจึงวิ่งกลับไปที่รถ นายอรุณจึงได้ขับออกไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังป่าตอง”

“วันนี้ (30 ธ.ค.) เราจะเดินทางไป สภ.วิชิตเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด ณ ที่เกิดเหตุเพื่อพิสูจน์ว่านายอรุณไม่ได้เป็นผู้เริ่มเหตุการณ์ดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม นายอรุณยอมรับผิดที่พกพาปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” นายทินกร กล่าว

*อย่างไรก็ตาม นายอรุณได้ติดต่อ ข่าวภูเก็ต  เพื่อขออธิบายเพิ่มเติมว่า ในวันเกิดเหตุนั้นตนไม่ได้ชักปืนขึ้นขู่แต่อย่างใด เพียงแต่เอามือตบขู่ที่สะเอวพร้อมทำท่าขึงขัง ก่อนที่ชายสองคนจึงวิ่งกลับไปที่รถกระบะ ตนจึงขับรถออกมาและมุ่งหน้าไปป่าตอง ก่อนโดนสกัดจับได้ในพื้นที่ป่าตอง และยืนยันว่าตนไม่คิดทำร้ายชายทั้งคู่แต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.อ.วิกรณ์ สมสุข ผู้กำกับสภ.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต กล่าวกับ ข่าวภูเก็ต ว่า “ในกรณีสภ.วิชิตยังไม่ได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากผู้ถือปืนถูกสกัดจับได้ในพื้นที่รับผิดชอบของสภ.ป่าตอง ซึ่งได้ดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว แต่ทั้งนี้ได้แจ้งกับทางสภ.ป่าตอง แล้วว่าถ้าหากผู้ขับรถกระบะต้องการแจ้งความดำเนินคดีกับนายอรุณก็สามารถมาแจ้งความได้ แต่ยังไม่เห็นเดินทางมาแจ้งความแต่อย่างใด”

รายงานเพิ่มเติม: เปรมกมล เกษรา

*ข้อมูลเพิ่มเติมจากรายงานต้นฉบับ