หากท่านเป็นอีกคนหนึ่งที่เดินทางด้วยเครื่องบินโดยสารหรือ ติดตามข่าวสารเรื่องท่าอากาศยานนานาชาติ ภูเก็ต มาโดยตลอด จะพบว่านอกจากข่าวคราวโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร ที่ได้ดําเนินการมาอย่างต่อเนื่องแล้วที่ผ่านมายังได้มีข่าวในทางลบเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความหนาแน่นในการรอคิวสแกนกระเป๋า ฝ้าเพดานที่พังตกลงมาใส่ศีรษะของผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ ข่าวที่มีพนักงานบางราย ขโมยของจากกระเป๋าของผู้โดยสารที่ใช้บริการสนามบินภูเก็ต และ ข่าวสารอื่นๆ อีกมายมาย
นายเพ็ชร ชั้นเจริญ ผู้ดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการท่าอากาศยาน ภูเก็ต ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2560 จนถึงปัจจุบัน ได้เริ่มสะสางปัญหาต่างๆ ทีละน้อย ในทุกๆ รายละเอียดในสนามบิน แม้กระทั่งการเดินตรวจห้องนํ้าด้วยตนเองในวันหยุดสุดสัปดาห์
ข่าวภูเก็ตได้มีโอกาสพูดคุยกับนายเพ็ชร ซึ่งได้เปิดเผยกับทีมข่าวภูเก็ตถึงการบริหารงานและการดํารงตําแหน่งในทุกด้านตลอดระยะ เวลาเกือบ 6 เดือนที่ผ่านมา
“ปัญหาที่เห็นได้อย่างเด่นชัดของทภก. ตอนนี้คือปัญหาการจราจร ซึ่งต้องใช้เวลาแก้ไข ช่วงนี้ยังอยู่ในการปรับปรุง จึงอาจจะยังไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไร ขอเรียนว่าขณะนี้ที่สนามบินยังมีการปรับปรุงส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จึงต้องขออภัยในความไม่สะดวกในทุกด้านและ เราขอน้อมรับความคิดเห็นเพื่อนําไปปรับปรุง”
“ในส่วนของอาคารผู้โดยสารภายในประเทศเฟส 2 นั้นคาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงสิ้นเดือนเมษายนปีหน้าและใช้เวลาในการทดลองระบบต่างๆ และเตรียมความพร้อมสําหรับผู้ประกอบการเป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นจะพร้อมให้บริการในทุกส่วนในเดือนมิถุนายน”
ผอ.ทภก. ยอมรับว่าขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของทภก. นั้นอยู่ที่ 8-12 ล้านคนต่อปี แต่ ณ ปัจจุบันมีผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการที่นี่ประมาณ 18 ล้านคนต่อปี ซึ่งถือว่าเกินขีดความสามารถที่สนามบินจะรองรับได้
“ในช่วงไฮซีซั่นนี้มีผู้ใช้บริการประมาณ 50,000 คนต่อวัน และมีเที่ยวบินเข้า-ออกประมาณ 300 เที่ยวบิน”
แต่การขยายพื้นที่สนามบินก็ต้องดูในส่วนของรายละเอียดให้รอบด้าน และคงไม่สามารถขยายไปมากกว่าแผนปัจจุบันได้ในเร็ววัน
“การขยายพื้นที่สนามบินนั้นอยู่ในแผนการพัฒนาท่าอากาศยาน แต่ยังจําเป็นต้องศึกษาสภาพแวดล้อมรอบด้านต่างๆ อีกมากเนื่องจาก สนามบินตั้งอยู่ในเขตที่มีชุมชนแทบรอบด้าน แต่ยังมีความเป็นได้ในการขยับขยาย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นทิศเหนือของสนามบิน แต่ยังคงต้อง ใช้เวลาอีกมากทีเดียว”
ทั้งนี้ นายเพ็ชร อธิบายถึงกรณีที่ ข่าวภูเก็ต ได้รับร้องเรียนในเรื่องราคาสินค้าที่สูงเกินไป นั่นคือ นํ้าดื่มบรรจุขวดขนาด 0.6 ลิตรราคาสูง ถึง 40 บาท ภายในสนามบินว่า ทภก.มีการตรวจสอบเรื่องนี้อยู่แล้ว
“ขอเรียนว่าในส่วนนี้อาจจะเป็นในเรื่องของนํ้าแร่ เพราะในกรณีของนํ้าดื่มปกติทางทภก. มีการกําหนดราคาในการจําหน่ายและมีการสุ่มตรวจสอบร้านค้าอยู่เป็นประจํา เนื่องจากการควบคุมราคาสินค้าในท่าอากาศยาน จะมีการกําหนดราคาโดยกรมการค้าภายใน เช่น นํ้าดื่ม ราคาขายจะต้องไม่เกิน 25% ของร้านค้าชั้นนําในจังหวัด แต่หากเป็น นํ้าแร่ ต้นทุนก็จะมาสูงตั้งแต่ต้นตามคุณภาพของสินค้า อย่างไรก็ตาม เราจะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง”
นอกจากนี้ นายเพ็ชร ยังได้เผยถึงปัญหาอื่นๆ ภายในทภก. เช่น การแฝงตัวของมิจฉาชีพในรูปแบบพนักงานรอรับแขก “ปัญหาที่พบบ่อยและกระทบโดยตรงต่อนักท่องเที่ยวคือ กลุ่มคนที่เข้ามาทําทีเป็นพนักงานรอรับแขกจากโรงแรมต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว ไม่ใช่ หากินด้วยการเข้าไปประชิดกับนักท่องเที่ยวและชักชวนให้ใช้ บริการต่างๆ เช่นรถรับ-ส่ง ซึ่งมีราคาแพงกว่าความเป็นจริง จากนั้น บางรายมีการยัดเยียดโปรแกรมทัวร์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งขายซิมการ์ดบนรถบริการ”
“ในเรื่องนี้ ทางเราได้มีการสอดส่องและตรวจสอบพฤติกรรมไม่พึง ประสงค์จากกล้องวงจรปิด และพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้มักจะกระทําการในช่วงเวลาดึก ที่มีเจ้าหน้าที่ประจําการอยู่น้อย ซึ่งก็ได้มีการประสานในส่วนที่เกี่ยวข้องและมีการจับ-ปรับ ทุกวันโดยเจ้าหน้าที่ตํารวจ อยากฝากถึงนักท่องเที่ยวและ ประชาชนให้ทราบว่า ควรใช้บริการการขนส่งที่ทางทภก. จัดไว้ให้ เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ทางทภก. จะสามารถติดตามได้ทันที”
และจากกรณีที่มีคลิปวิดีโอของพนักงานลําเลียง กระเป๋าของสายการบินแห่งหนึ่งที่รื้อค้นและขโมยของในสัมภาระของผู้โดยสารที่ได้เผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดีย เมื่อไม่นานมานี้ นายเพ็ชรยอมรับว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ น่าให้อภัยอย่างยิ่ง แต่ก็มีกรณีที่คนทําผิดหวนกลับมา สมัครงานใหม่ ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงต้องเพิ่มมาตรการตรวจสอบให้ละเอียดยิ่งขึ้น
"พฤติกรรมแบบนี้ถือว่ารับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง ต้องไล่ออกเท่านั้น แต่ในบางกรณีพบว่าพนักงาน บางคนที่โดนไล่ออกไป ก็ไปสมัครงานใหม่ในตําแหน่งเดิมที่สนามบินอื่น แล้วย้ายกลับเข้ามาทํางานใหม่ที่สนามบินเดิมแต่เป็นสายการบินอื่น จึง ต้องเพิ่มมาตรการในการรับคนเข้าทํางานให้ รอบคอบมากขึ้น เนื่องจากเป็นเรื่องที่สําคัญต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างมาก”
นอกจากนี้ นายเพ็ชร ยังได้เปิดเผยถึงมุมมองการทํางานในตําแหน่ง ผู้อํานวยการท่าอากาศยาน นานาชาติ ภูเก็ต และยอมรับว่าตนได่ปรับกฎระเบียบการทํางานให้เคร่งครัดมากขึ้น
“ผมคํานึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก เนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สําคัญของเมืองไทย เป็นหน้าตาของประเทศ และสนามบินก็ เปรียบเป็นเหมือนประตูหน้าบ้าน หากประตูหน้าบ้านไม่ปลอดภัย ไม่สะดวก ติดขัดด้านต่างๆ ก็จะส่ง ผลให้ภาพลักษณ์ของจังหวัดและประเทศไทยเสีย หาย ผมจึงต้องปรับมาตรการและกฎระเบียบต่างๆ”
“ผมเข้ามาทําให้เชือกของระบบตึงดังที่มันควรจะเป็น ผมต้องให้กําลังใจตัวเองด้วย ผมคิดแค่ว่าผม ทําหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดในฐานะผู้บริหาร ซึ่งต้องบริหารคนให้ทําหน้าที่ให้ดีที่สุดเช่นกัน หากใครไม่ เข้าใจในจุดยืนของผม ก็ต้องคุยเพื่อปรับความเข้าใจ เพราะความเข้าใจในหน้าที่เป็นกุญแจที่สําคัญที่สุด สําหรับการทํางาน”
“การมาทํางานที่นี่ก็ต้องทําหน้าที่พึงกระทํา หลักของการมีความสุขในการทํางานคือ อย่าให้ใคร ต้องมาบังคับ แล้วจะสนุกกับการทํางาน และผมก็ เชื่อมั่นในศักยภาพของเจ้าหน้าที่ทุกคนที่นี่” นายเพ็ชร กล่าวทิ้งท้าย