กรมป่าไม้พบบุกรุกป่าต้นน้ำเพิ่ม 100 กว่าไร่ เข้าแจ้งความ ร้องดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ

ภูเก็ต - เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้พบการบุกรุกป่าต้นน้ำเขื่อนบางวาดมากกว่า 100 ไร่ เดินหน้าแจ้งความดำเนินคดีและเตรียมร้องดีเอสไอ เพื่อรับเป็นคดีพิเศษและหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

เกียรติกุล ชูมณี

วันพฤหัสบดี ที่ 21 มกราคม 2564, เวลา 15:01 น.

จากกรณีที่มีการแผ้วถางป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขานาคเกิด และตัดถนนรุกพื้นที่สองอำเภอของจังหวัดภูเก็ต ในพื้นป่ากลางเกาะภูเก็ตต้นน้ำของเขื่อนบางวาด ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำประปาของจังหวัดภูเก็ต ชุดพยัคฆ์ไพรใต้ร่วมกรมป่าไม้ตรวจรุกป่าต้นน้ำบางวาด 80 ไร่ พบทำถนนขึ้นถึงยอดเขา

โดยเมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา ชุดพยัคฆ์ไพรใต้ได้ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกรมป่าไม้ ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ป่าดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่ามีการตัดถนนขึ้นจากพื้นราบจนถึงยอดเขาสูงชัน ความยาวถนนกว่า 1.5 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีร่องรอยการปลูกพืชผลต่าง ๆ ซึ่งนับเป็นมูลค่าความเสียหายต่อรัฐหลายสิบล้านบาท

ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ม.ค. นายศุภชัย สุกใส ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปราม 4 กรมป่าไม้ หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพรใต้ และ นายบุญลาภ สุกใส ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 กระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ภูเก็ต ร่วมกันตรวจสอบรังวัดพื้นที่ที่มีการบุกรุกป่าต้นน้ำ ของเขื่อนบางวาดทั้งหมด เบื้องต้นพบว่ามีเนื้อที่กว่า 100 ไร่ 

นายศุภชัย สุกใส ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปราม 4 กรมป่าไม้ หัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ไพรใต้ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้แบ่งกำลังเป็น 3 ชุดปฎิบัติการในการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อคลี่คลายคดีการบุกรุกแผ้วถางป่าต้นน้ำของจังหวัดภูเก็ตเหนือเขื่อนบางวาด

ชุดที่ 1 ติดตามแกะรอยเครื่องจักรกลหนัก ที่ใช้ในการเปิดป่าบุกรุกแผ้วถางก่อสร้างยกคันดินล้มต้นไม้ เป็นถนนดินในพื้นที่ป่า และ ติดตามสืบสวน ผู้ที่รับจ้างถางป่าซึ่งเป็นป่าชั้นล่างของต้นไม้ขนาดใหญ่

ชุดที่ 2 ติดตามสืบสวน ผู้ที่ถูกสายข่าวอ้างชื่อว่า เป็นเจ้าหน้ารัฐที่สองหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้ มาควบคุมบัญชาการสั่งการให้เครื่องจักรกลหนักทำลายป่า

และ ชุดที่ 3 รังวัดแนวเขตพื้นที่ป่าที่ถูกแผ้วถาง ก่นสร้าง เป็นสวนทุเรียนและสะตออย่างละเอียด

นายศุภชัย กล่าวว่า “จากการที่ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ตรวจสอบกับทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต พบว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่มีเอกสารสิทธิ์ หลังจากนี้จะมีการแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรายงานกรมป่าไม้แจ้งให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด เนื่องจากดูจากพื้นที่แล้วที่มีการนำเครื่องจักรกลหนักเข้ามาปรับพื้นที่ปรับพื้นที่ทำถนนจนถึงยอดเขา แบบนี้ต้องมีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนรู้เห็นหรือผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอนซึ่งจะมีการตรวจขสอบในเชิงลึกต่อไป”

หัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ไพรใต้กล่าวต่อไปอีกว่า การตรวจสอบจับกุมครั้งนี้มีผู้หวังดีเป็นชาวบ้านในพื้นที่ เห็นว่ามีคนทำถนนตัดเข้ามาในป่าสมบูรณ์ จึงได้ร้องเรียนมาที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 4 ภาคใต้ เมื่อเข้ามาตรวจสอบก็เป็นอย่างที่ชาวบ้านร้องเรียน เริ่มมาตรวจตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค. เบื้องต้นวัดคร่าว ๆ ได้ 83 ไร่ แต่เมื่อได้มีการตรวจสอบเพิ่มเติมโดยละเอียด ตอนนี้เราพบพื้นที่ถูกบุกรุกจำนวน 108 ไร่

“ในเบื้องต้นและจะทำการส่งคดีภายในวันสองวันนี้ ขณะนี้ก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดความผิด โดยเท่าที่ดูบริเวณนี้เป็นบริเวณพื้นที่สูง ถ้าสังเกตดูมันไม่น่าจะทำการเกษตรเป้าหมายคิดว่าน่าจะเพื่อการท่องเที่ยวมากกว่า เพราะสามารถเห็นวิวภูเก็ตได้อย่างกว้างขวางหลายอ่าว มูลค่าที่ดินถ้าเปิดเป็นที่ท่องเที่ยวน่าจะมีมูลค่าสูงมาก ตรงนี้เป็นป่าต้นน้ำอยู่เหนือเขื่อนบางวาด ซึ่งเป็นเขื่อนที่เป็นแหล่งน้ำสำคัญของชาวภูเก็ต เพราะฉะนั้นเราต้องอนุรักษ์ไว้ ชาวบ้านเขามีความเดือดร้อนเรื่องน้ำ เลยแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ทราบ” นายศุภชัย กล่าว

“พื้นที่บริเวณนี้เคยมีการร้องเรียนมาก่อนแต่อยู่ส่วนล่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบและยึดไว้บ้างแล้ว แต่บริเวณตรงนี้ยังไม่มี สำหรับผู้กระทำความผิดนั้นมีข่าวเชิงลึกแต่เรายังไม่สามารถเข้าถึงตัวผู้กระทำความผิดได้ อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนอยู่คิดว่าน่าจะเป็นลักษณะของนายทุนที่กวาดซื้อที่ดินของชาวบ้านอีกที หรือเป็นการเปลี่ยนมือกันหลายทอดแล้ว การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนที่สูง ส่วนบริเวณใกล้เคียงอีกซีกหนึ่งมีร่องรอยการทำประโยชน์เก่าอยู่และค่อนข้างจะนานแล้ว แต่บริเวณที่เราจับนี้ค่อนข้างเป็นพื้นที่ที่สมบูรณ์โดยในช่วงนี้ก็จะทำการตรวจสอบและจับกุมการบุกรุกพื้นที่แปลงใหม่นี้ก่อน หลังจากนี้จะต้องทำการขยายผลและตรวจสอบบริเวณข้างเคียงอีกรอบหนึ่ง โดยในเบื้องต้นปรากฏว่าบริเวณตรงนี้ไม่มีการออกเอกสารสิทธิ์หรือโฉนดที่ดินให้กับผู้ใดแต่ผู้ครอบครองอาจจะมี ส.ค.1 หรือไม่เรายังไม่ทราบ เราไม่สามารถตรวจสอบได้ถ้าเจ้าของที่ดินเขาไม่มาแสดงตัว แต่เบื้องต้นเอกสารสิทธิไม่มีแน่นอน”

ด้านนายบุญลาภ กล่าวเพิ่มเติม “ถ้าเจ้าของมีเอกสารสิทธิ์ก็นำมาแสดงกับพนักงานสอบสวนได้ ซึ่งทางทีมเราจะแจ้งความดำเนินคดีในวันที่ 21 ม.ค. ที่โรงพักกะทู้ และดำเนินเรื่องไปยังศูนย์พิทักษ์ไพรกรมป่าไม้ เสนอท่านอธิบดีกรมป่าไม้เพื่อเสนอให้ส่งคดีให้ DSI รับเป็นคดีพิเศษต่อไป ซึ่งมีความเป็นไปได้เพราะเงื่อนไขของ DSI คือพื้นที่ 100 ไร่ขึ้นไป ส่วนเรื่องของการมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังนั้นกำลังสืบเบื้องลึกอยู่ว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยงานใดเข้าร่วมขบวนการ และอยากฝากบอกประชาชนชาวภูเก็ตถ้าพบการบุกรุกทำลายป่าเหล่านี้ก็ขอให้แจ้งมาที่กรมป่าไม้ได้ทุกที่ หน่วยป้องกันหรือศูนย์ป่าไม้แจ้งมาได้เลยทางเจ้าหน้าที่พร้อมที่จะดำเนินการตรวจสอบทุกพื้นที่”

ที่มา : กรมประชาสัมพันธ์

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่