จากปากคำผู้แปรพักตร์ : เกาหลีเหนือมักใช้อาวุธ “สายลับสาวสวยประหาร”
20 กุมภาพันธ์ 2560, 11:18
เอเอฟพีรายงานวันที่ 16 ก.พ.ว่าจากกรณีนายคิมจองนัมพี่ชายต่างแม่ของนายคิมจองอึนผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือถูกลอบฆ่าด้วยการใช้พิษที่สนามบินกรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซียนั้นผู้ที่แปรพักตร์จากเกาหลีเหนือมาอยู่เกาหลีใต้เปิดเผยว่าการใช้สายลับสาวหน้าที่ดีกลายเป็นอาวุธสำคัญที่เกาหลีเหนือจะใช้สังหารเป้าหมาย แทนที่สายลับชายด้วยศักยภาพที่แนบเนียนกว่า “พวกเรามักระวังหญิงสาวที่มักเข้าหาเราว่าอาจเป็นคนที่ส่งมาแก้แค้นเราก็ได้” นายอันชันอิลนักวิจัยเกาหลีเหนือศึกษาผู้แปรพักตร์มาอยู่เกาหลีใต้ตั้งแต่เมื่อปี 2522 กล่าว นายอันเป็นผู้แปรพักตร์หนึ่งใน 8 คนที่ได้รับการคุ้มกันจากเกาหลีใต้ในระดับสูงสุดและหลังจากเกิดกรณีนายคิมจองนัมถูกฆ่าแล้วเกาหลีใต้เพิ่มการคุ้มกันพิเศษผู้แปรพักตร์เป็น 20 คน นายอันกล่าวว่าสายลับสาวเกาหลีเหนือทำงานพิเศษด้วยการหาข่าวกรองหรือสร้างเครือข่ายกับสายลับคนอื่นๆเพิ่มมากขึ้นได้รับการฝึกให้ฆ่าโดยใช้ยาพิษเพราะซ่อนพิษได้ง่ายบรรจุในตัวฉีดทำจากพลาสติกอันเล็กนิดเดียวหรือไม่ก็แอบไว้ในลิปสติกเครื่องสำอางหรือใต้ร่มผ้าพร้อมเสริมว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยของสนามบินไม่สามารถตรวจจับอุปกรณ์พลาสติกดังกล่าวได้ คุณสมบัติที่สำคัญของสายลับสาวคือหน้าตาดีสะสวยโดยผู้สมัครเป็นสายลับถูกคัดกรองอย่างระมัดระวังทั้งเรื่องสติปัญญาคุณลักษณะของร่างกายสาแหรกตระกูลก่อนเข้าวงการสายลับ นายอันกล่าวอีกว่าจากกรณีที่หญิงสาวซึ่งจับกุมได้สองคนปรากฏตัวอีกครั้งในที่เกิดเหตุที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ที่เดียวกับจุดก่อเหตุหลังผ่านไปสองวันนับจากที่นายคิมจองนัมถูกสังหารเป็นพฤติกรรมที่แปลกประหลาด ปกติแล้วหากหญิงสาวที่จับกุมได้เป็นสาวลับเกาหลีเหนือหล่อนจะหายตัวไปหรือไม่ก็ฆ่าตัวตายเมื่ออยู่ในภาวะที่เสี่ยงต่อการถูกจับกุมไม่สามารถคาดเดาพฤติกรรมของสายลับสาวเหล่านี้ได้ง่ายๆเหมือนในหนังสือนิยายสายลับ ยกตัวอย่างกรณีสายลับเกาหลีเหนือ 2 คนที่ก่อเหตุวางระเบิดเครื่องบินเกาหลีใต้คร่าชีวิตผู้โดยสารบนเครื่อง 115 รายในจังหวะที่กำลังถูกจับในประเทศบาห์เรนเมื่อปี 2530 ทั้งสองกินแคปซูลบรรจุสารไซยาไนด์ที่ซ่อนไว้ในบุหรี่สายลับชายเสียชีวิตทันทีส่วนส่วนสายลับหญิงที่ร่วมก่อการอีกคนไม่ตาย สายลับหญิงคนดังกล่าวชื่อน.ส.คิมฮยุนฮีกลายเป็นบุคคลที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักต่อมาถูกนำตัวไปเกาหลีใต้และรับสารภาพว่าการก่อการร้ายมุ่งขัดขวางกีฬาโอลิมปิก 1988 ที่กรุงโซลซึ่งเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2531 หญิงสาวถูกตัดสินประหารชีวิตแต่ต่อมาได้อภัยโทษหลังรัฐบาลเกาหลีใต้เห็นว่าปรับทัศนคติจนหญิงสาวไม่มีพิษภัยอีก

หลงรัก แรคคูนเกาะท้ายบรรทุกไปไกล 11 กม.
20 กุมภาพันธ์ 2560, 11:06
ฮัฟฟิงตันโพสต์รายงานภาพที่ถูกอกถูกใจคนรักสัตว์อย่างกว้างขวางเป็นภาพเจ้าแรคคูนตัวน้อยเกาะบันไดที่อยู่ท้ายรถบรรทุกขยะแบบนิ่งๆเนียนๆบนเส้นทาง 11 ก.ม. จากเมืองโรสลินไปยังเมืองฟอลส์เชิร์ช  รัฐเวอร์จิเนียสหรัฐอเมริกา ผู้บันทึกภาพไว้ได้ชื่อเฮเลนาบี. เอวิชนักข่าวโพลิติโกจากนั้นโพสต์ลงทวิตเตอร์พร้อมข้อความว่าพนักงานขับรถและบริษัทกำจัดขยะอเมริกาดิสโพซัลเซอร์วิสให้ความร่วมมือดีมากเมื่อตนแจ้งว่าเห็นเจ้าแรคคูนเกาะท้ายรถอยู่ “เมื่อเรารู้ว่าแรคคูนอยู่บนรถพนักงานของเราก็รีบขับรถเข้าข้างทางเพื่อหยุดดูทันทีเพราะไม่อยากให้มันเป็นอะไรไป” แอนนาวิลคินสันผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของบริษัทอเมริกันดิสโพซัลกล่าว ตัวแทนบริษัทกล่าวว่าสุดท้ายแรคคูนไม่ได้เป็นอะไรและลงมาอย่างปลอดภัยเพียงแต่หนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาช่วยจับโดยวิ่งเข้าไปในพื้นที่สวนสาธารณะแลร์รีเกรฟส์




โปรดเกล้าฯ วันที่ 5 ธ.ค. เป็นวันพ่อ วันชาติ และวันหยุดราชการ
7 กุมภาพันธ์ 2560, 18:51
เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาลพ.อ.อธิสิทธิ์ไชยนุวัติผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุมครม. ว่านายกรัฐมนตรีได้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องกำหนดวันสำคัญของชาติไทยตามที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตรเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2559 ยังความเศร้าสลดอย่างยิ่งใหญ่มาสู่พสกนิกรชาวไทยและด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานต่อประเทศชาติและประชาชนเสมอมาปวงชนชาวไทยทั้งปวงจึงน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและตระหนักถึงความสำคัญของวันที่ 5 ธันวาคมซึ่งเป็นวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตรจึงมีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กำหนดว่าวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันสำคัญของชาติไทยดังนี้ 1. เป็นวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร  2.เป็นวันชาติ 3. เป็นวันพ่อแห่งชาติ ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 2560 เป็นต้นไปนอกจากนี้คณะรัฐมนตรียังได้มีมติให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันหยุดราชการ

ผงะ! มหาเศรษฐีพันล้านจีนถูกอุ้มในฮ่องกง
3 กุมภาพันธ์ 2560, 15:49
ข่าวสด - เมื่อวันที่ 31 ม.ค. เอเอฟพีได้มีการรายงานว่าเกิดเหตุน่าวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของคนในฮ่องกงอีกครั้ง เมื่อนายเซียว เจี้ยนหัว มหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์ของจีน ถูกลักพาตัวในฮ่องกง โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดได้เปิดเผยกับสื่อไฟแนนเชียลไทมส์ ว่านายเซียวถูกพาตัวไปจากโรงแรมหรู โฟร์ ซีซั่นส์ ซึ่งเป็นที่พักส่วนตัวในระยะยาวของนายเซียว ทั้งนี้ยังไม่ทีการระบุอย่างแน่ชัดว่านายเซียวตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มใด แต่จากการที่เคยเกิดเหตุการณ์พนักงานสำนักพิมพ์ของฮ่องกง 5 คนเคยถูกจีนอุ้มหายไปในปี 2558 ก่อนไปปรากฏตัวในการควบคุมของจีน ก่อให้เกิดกระแสวิตกกังวลว่านายเซียวอาจถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของจีนอุ้มไป เมื่อนักข่าวสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงในกรณีของนายเซียว เจ้าหน้าที่เผยว่าได้รับการติดต่อให้ช่วยเหลือพลเมืองของแผ่นดินใหญ่คนหนึ่งจริง ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จนเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ม.ค. สมาชิกในครอบครัวนายเซียวขอให้สื่อช่วยปลดรายงานข่าวชิ้นนี้ออก โดยระบุว่า มีคนติดต่อและได้รับข่าวว่านายเซียวปลอดภัยดี หลังผ่านเข้าไปแผ่นดินใหญ่จากจุดผ่านแดนของฮ่องกง ต่อมาในวันที่ 30 ม.ค. บริษัททูมอร์โรว กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทที่นายเซียวเป็นผู้ก่อตั้ง ได้โพสต์ข้อความทางวีแช็ต อ้างตัวเป็นนายเซียวและอ้างเหตุผลในการหายตัวไปว่าเป็นเพียงเพราะต้องการพัก เนื่องจากป่วย โดยข้อความดังกล่าวระบุว่า “จากรายงานเกี่ยวกับผมไม่กี่วันมานี้ ผมต้องบอกว่า ผมเซียว เจี้ยนหัว เริ่มหายจากอาการป่วยนอกประเทศ ทุกอย่างปกติดี และบริษัทก็ทำงานตามปกติ” แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นานข้อความนี้ก็ถูกลบไป จากข้อมูลเผยว่า นายเซียวเข้ามาอยู่ฮ่องกงในปี 2557 เป็นสองปีหลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สั่งกวาดล้างการคอร์รัปชั่นขนานใหญ่ ซึ่งนายเซียวปฏิเสธว่าเป็นเป้าหมายของการสอบสวน กระทั่งเกิดเหตุครั้งนี้ เว็บไซต์ข่าวป๋อซุนรายงานว่า นายเซียวถูกอุ้มไปสอบสวนพิเศษและยังอยู่ในแผ่นดินใหญ่ ในด้านของสื่อแอปเปิ้ลเดลี่รายงานว่า นายเซียวได้ถูกนำตัวไปบริเวณพรมแดนฮ่องกงกับแผ่นดินใหญ่ พร้อมภรรยา จากนั้นภรรยาได้รับการปล่อยตัว จึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจและได้ให้ข่าวกับสื่อ แต่ต่อมาภรรยานายเซียวแจ้งว่า นายเซียวติดต่อกลับมาแล้ว และไม่ต้องการให้เรื่องถูกรายงานใหญ่โตเกินจริง

ไม่ต้องลุ้น บันคีมุน อดีตเลขาฯยูเอ็นถอดใจ ไม่ชิงเก้าอี้ปธน.เกาหลีใต้
3 กุมภาพันธ์ 2560, 15:45
ข่าวสด - เมื่อวันที่ 1 ก.พ. สำนักข่าวเอเอฟพีได้รายงานว่า นายบัน คีมุน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ แถลงแล้วว่า จะไม่ลงสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ หลังจากเป็นที่คาดหวังว่าจะลงแข่งสนามเลือกตั้งผู้นำในปีนี้ “ผมล้มเลิกความตั้งใจจริงที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในการเป็นผู้นำและสร้างเอกภาพให้ประเทศ ผมจะถอนตัวออกจากการเมือง ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้หลายคนผิดหวัง ความรักชาติอย่างบริสุทธิ์ใจและความมุ่งมาดปรารถนาของผมตกเป็นเหยื่อของการพูดให้ร้ายและใกล้ถึงขั้นที่จะทำลายล้างตัวบุคคล ” นายบันกล่าวพร้อมโค้งคำนับก่อนลงจากเวทีไป โดยก่อนหน้านี้ ผู้คนต่างคาดการณ์กันว่าอดีตเลขายูเอ็นอาจลงเลือกตั้ง และเข้ามาช่วยเหลือในการกู้วิกฤตแซนูรี พรรคต้นสังกัดของนางสาวปาร์ก กึนเฮ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ผู้ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการถอดถอนออกจากตำแหน่ง โดยนับตั้งแต่มีข่าวนี้ออกไป ความนิยมนายบันลดลงอย่างรวดเร็วจาก 20.3% มาอยู่ที่ 13.1% อีกทั้งยังมีบรรดาญาติถูกกล่าวหาคอร์รัปชั่น และยังมีภาพเสียดสีนายบันพยายามสอดธนบัตร 2 ใบพร้อมกันที่ตู้อัตโนมัติออกมา ทำให้ถูกมองว่าอายุมากเกินไปจนเริ่มเบลอ โดยที่ผ่านมานั้น นายบันไม่เคยเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดๆ แม้ว่าจะเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในสมัยของประธานาธิบดีโนห์ มูเฮียนในช่วงปี 2547-2549

เฒ่าอังกฤษหื่น รับล่วงละเมิดเด็ก 45 ข้อหา เป็นเหยื่อไทย 9 คน
3 กุมภาพันธ์ 2560, 15:38
ข่าวสด - เมื่อวันที่ 1 ก.พ. บีบีซีรายงานการพิจารณาคดีผู้ที่ชอบมีสัมพันธ์ทางเพศกับเด็กที่น่าตกตะลึง เมื่อจำเลยคือนายมาร์ก ฟรอสต์ ครูเกษียณชาวอังกฤษ อายุ 70 ปี ให้การรับสารภาพต่อศาลอาญาในกรุงลอนดอน ว่ากระทำผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศเด็ก 23 ข้อหา หลังจากปีก่อนสารภาพแล้ว 22 ข้อหา รวมเป็น 45 ข้อหา ทั้งในสหราชอาณาจักรและในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่มีเด็กตกเป็นเหยื่อ 9 ราย ช่วงปี 2552-2555 ข้อกล่าวหาที่ยอมรับผิดดังกล่าว รวมถึงการข่มขืน กระทำชำเรา ล่อลวงให้เด็กร่วมกิจกรรมทางเพศ และถ่ายภาพลามกอนาจาร นายฟรอสต์เคยใช้ชื่อว่า แอนดรูว์ เทรซีย์ ถูกนำตัวมาดำเนินคดี หลังจากมีทีมเจ้าหน้าที่นานาชาติร่วมสอบสวนคดี ทั้งสำนักงานอาชญากรรมแห่งชาติของสหราชอาณาจักร ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ในไทย สเปน และเนเธอร์แลนด์ ในส่วนของการก่อเหตุที่ประเทศไทย สอบสวนพบว่านายฟรอสต์ล่อลวงเด็กฐานะยากจนมาข่มขืนด้วยการใช้เงิน ขนม เกมคอมพิวเตอร์ หลอกล่อ รวมถึงชักชวนให้มาว่ายน้ำในสระของตน ต่อมาได้ประกันตัวและหนีออกจากไทย กระทั่งเมื่อตำรวจในเนเธอร์แลนด์พบหลักฐานเบื้องหลังฉาวที่นายฟรอสต์ก่อไว้ บันทึกในคอมพิวเตอร์ของชายคนหนึ่ง นายฟรอสต์จึงถูกส่งตัวจากสเปนมายังอังกฤษในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เมื่อปีที่แล้วภาพที่พบในคอมพิวเตอร์ดังกล่าว นายฟรอสต์ให้เด็กชายอายุ 10-14 ปีทำท่ายกนิ้วโป้ง และทำมือเป็นรูปหัวใจ พร้อมใช้เว็บแค็มถ่ายขณะลงมือทางเพศ การสอบสวนของอังกฤษพบว่า นายฟรอสต์ถูกห้ามสอนหนังสือตั้งแต่ปี 2538 หลังพบว่าล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนในเขตวอร์ซสเตอร์เชอร์ ภาคกลางฝั่งตะวันตกของอังกฤษ ช่วงปลายทศวรรษ 80 และ 90 โดยทำมิดีมิร้ายกับเด็กๆ ผู้ชายในห้องเก็บของ ในบ้านที่อาศัยอยู่กับลูกเลี้ยง รวมถึงที่ลานจอดรถในเซอร์เรย์ เหยื่อรายหนึ่งเสียชีวิตไปหลังจากเปิดเผยเรื่องนี้ ส่วนอีกคนออกแถลงการณ์เผยถึงการใช้ชีวิตที่อยู่กับความหวาดกลัวทุกวันที่ถูกล่วงละเมิด