ออสซี่รำลึก 5 เหยื่อตีนผี ถูกพุ่งชนร่างกระเด็น
28 มกราคม 2560, 15:00
เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ชาวออสเตรเลียหลายพันคนร่วมพิธีรำลึกเหยื่อ 5 ชีวิต ในเหตุการณ์ช็อกผู้คนทั่วประเทศ เมื่อชายหนุ่มวัย 26 ปีขับรถพุ่งชนเหยื่อเหล่านี้บริเวณห้างสรรพสินค้าที่มีผู้คนหนาแน่นที่สุดในนครเมลเบิร์นเหตุเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 20 ม.ค. ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่เห็นร่างเหยื่อถูกรถพุ่งชนด้วยความเร็วสูงจนกระเด็นขึ้นไปในอากาศ ผู้ตายเป็นชายในช่วงวัย 30 ปี หญิงสองคนช่วงวัย 20 ปี เด็กหญิงอายุ 10 ขวบ และทารกอีกคนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 15 คนที่ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล ในจำนวนนี้ 2 คนอาการสาหัส“ภาพและเสียงคงจะอยู่ในความจำของผมอีกยาวนานกว่าที่ผมคิด แต่ผมก็ดีใจที่เห็นและไม่มีวันลืมว่า คนแปลกหน้าที่กล้าหาญและมีน้ำใจนั้นเป็นอย่างไร ผมรักเมืองนี้” เฮนรี โดว ผู้เห็นนาทีเกิดเหตุ กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ เมื่อพูดถึงภาพที่เห็นคนขับแท็กซี่รุดเข้าไปช่วยเหยื่อที่ติดอยู่ใต้ท้องรถผู้ก่อเหตุด้านนายมัลคอล์ม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวผ่านวิทยุ ว่า “นี่เป็นช่วงโศกนาฏกรรม แต่ผู้คนในเมลเบิร์นต่างรวมใจกัน และจิตวิญญาณของเมืองนี้ชัดเจนมากในวันที่เกิดเหตุที่น่าตกตะลึงนี้สำหรับผู้ก่อเหตุที่ถูกจับกุมนั้นถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม ตรวจสอบพบว่า เพิ่งแทงพี่ชายก่อนขับรถมาพุ่งชนคน มีประวัติใช้ความรุนแรงในครอบครัว มีอาการป่วยทางจิต และใช้ยาเสพติด ผู้ต้องหารายนี้ไม่มาขึ้นศาลในวันจันทร์ ทนายระบุว่าลูกความนั้นมีอาการป่วย


“บิ๊กป้อม" ซื้อเรือดำน้ำเพิ่ม
28 มกราคม 2560, 12:00
สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้เสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหากจะดำเนินการทางกองทัพเรือ ก็มีงบประมาณเรื่องนี้อยู่แล้ว สำหรับคุณสมบัติของเรือดำน้ำที่จะจัดซื้อนั้น ให้ถามกับกองทัพเรือเพราะเป็นผู้เสนอเรื่อง ส่วนงบประมาณที่จะใช้นั้นได้ผ่านมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไปแล้ว โดยเบื้องต้นจะได้เรือดำน้ำ 1 ลำ และคงจะมีขออนุมัติเป็นงบผูกพันต่อไปเนื่องจากเรือดำน้ำลำเดียวคงทำอะไรไม่ได้ ยืนยันว่าเรือดำน้ำมีความจำเป็นและประเทศเพื่อนบ้านมีกันหมดแล้ว และเมื่อซื้อมาแล้วต้องนำมาใช้งานดูแลทรัพยากรทางทะเลของประเทศไทยที่มีมหาศาล โดยเฉพาะฝั่งอันดามันที่ไทยยังไม่เคยไปสำรวจและจะมีประโยชน์มากในเรื่องการป้องกันอธิปไตย


ซึ้งรับตรุษจีน แม่-ลูกกลับมาพบกันอีกครั้ง หลังพรากจากกัน 28 ปี
27 มกราคม 2560, 15:57
ข่าวสด - วันที่ 26 ม.ค. เว็บไซต์เดลี่เมล์รายงานข่าวจากพีเพิล เดลี่ ออนไลน์ และหัวชางเดลี่ ถึงเรื่องราวซาบซึ้งสะเทือนใจของแม่ชาวจีนวัย 72 ปี ที่ได้เจอลูกสาวทั้งสองคนพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้งในช่วงเวลาใกล้เทศกาลตรุษจีน หลังจากลูกสาวทั้งสองถูกลูกพี่ลูกน้องชายลักพาตัวหายไปเมื่อ 28 ปีที่แล้ว ขณะอายุได้ 18 ปี กับ 13 ปี เพื่อนำไปขายให้กับครอบครัวใหม่ นางเฉิง เจียเซียง แม่วัย 72 ปี ได้เห็นหน้าลูกสาวทั้งสอง ชื่อ หวง รุ่ยซิว อายุ 47 ปี และหวง รุ่ยเซียง อายุ 42 ปี ที่พลัดพรากกันไปนาน ที่สถานีตำรวจท้องถิ่น เขตสือฉวนเมืองอันกัง มณฑลส่านซี ทั้งสามโผเข้ากอดกันกลม ต่างร้องไห้น้ำตาที่ไหลพรากด้วยความตื้นตัน ลูกสาวทั้งสองเกิดที่หมู่บ้านปันเฉียว มณฑลส่านซี ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ต่อมาครอบครัวย้ายไปอยู่เมืองสุยโจว มณฑลหูเป่ย ภาคกลาง เมื่อนางหวง รุ่ยซิวแต่งงานในปี 2526 ส่วนน้องสาวติดตามไปอยู่ด้วยกันกับพี่สาวด้วย จากนั้นพ่อแม่ก็ย้ายไปตามไป แต่ต่อมาได้ตัดสินใจกลับบ้านในมณฑลส่านซีในปี 2528 รุ่ยซิวเล่าว่า ตนกับน้องสาวถูกลักพาตัวไปตอนสิ้นปี 2531 ไปยังเมืองไคเฟิง ในมณฑลเหอหนาน ภาคกลาง ตอนนั้นน้องสาวอายุยังไม่ถึง 14 ปี ด้วยซ้ำ จากนั้นจับทั้งสองแยกขายให้คนละครอบครัว ตนขอร้องให้ปล่อยน้องสาวไป แต่ไม่เป็นผล เพราะคนร้ายบอกว่าครอบครัวใหม่จ่ายราคา 3,000 หยวน หรือราว 15,400 บาท แลกกับน้องสาวไปอยู่ด้วย รุ่ยซิวไม่ได้เจอหน้าน้องสาวนับตั้งแต่นั้น รู้สึกเสียใจมาตลอด และสาบานกับตนเองว่าสักวันจะต้องหาน้อง หาครอบครัวให้เจอจนได้ ต่อมา พ่อแม่ที่รับเลี้ยงรุ่ยซิวเปลี่ยนชื่อหญิงสาวเป็น หลี่ เฟิงอี้  หญิงสาวร่วมกับอาสาสมัครต่อต้านการค้ามนุษย์ร่วมกับตำรวจ ตามหาแม่จนเจอเมื่อปี  2558 และต่อมารู้จากแม่ว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว จากนั้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามหาน้องสาวต่อเมื่อเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ตำรวจแกะรอยตามหาตามหมู่บ้านราว 60 หมู่บ้าน จนในที่สุดเจอ น้องมีชื่อใหม่ว่า หวง ชุนเซียง ผลตรวจดีเอ็นเอทั้งสองเป็นพี่น้องกัน หลังจากทุกอย่างลงเอยด้วยดีแล้ว รุ่ยซิวให้เจ้าหน้าที่สอบสวนชายที่ลักพาตนและน้องไปขายด้วย โดยชายคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน

เรือบึ้มที่หลีเป๊ะ 21 ชีวิตลอยคอระทึก
27 มกราคม 2560, 15:20
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.สันติพงษ์ พันธ์สวัสดิ์ สว.ส.รน.3 กก.9 บก.รน. รับแจ้งจากเรือเพชรอุดมชัย 10 เรือประมงอวนล้อมว่าได้ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างชาติ 18 คน และชาวไทย 3 คน ขณะพบลอยคออยู่กลางทะเล จึงสั่งการให้พ.ต.ท.กนกพงษ์ สำราญใจ ผู้การเรือ 521 พร้อมกำลังและเจ้าหน้าที่เจ้าท่าภูมิภาค สาขาสตูล นำเรือออกช่วยเหลือทันที โดยใช้เวลาเดินทางกว่า 3 ช.ม. เนื่องจากคลื่นลมแรง ก่อนเปลี่ยนถ่ายนักท่องเที่ยวจากเรือประมงมาเรือตรวจการณ์ ท่ามกลางความดีใจและโล่งอกของบรรดานักท่องเที่ยวที่รอดชีวิตนายจำเริญ หนูมี อายุ 60 ปี กัปตันเรือจรัญ 3 ซึ่งเป็นเรือพานักท่องเที่ยวดำน้ำ เล่าถึงนาทีชีวิตและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ได้พานักท่องเที่ยว ประกอบด้วย ชาวสวีเดน 2 คน ชาวอังกฤษ 2 คน ชาวเยอรมัน 2 คน ชาวรัสเซีย 2 คน ชาวอิตาลี 1 คน ชาวฟินแลนด์ 4 คน ชาวบราซิล 4 คน และชาวสเปน 1 คน พร้อมกัปตันและลูกเรือชาวไทยอีก 3 คน ขึ้นเรือจรัญ 3 เพื่อออกทะเลไปดำน้ำ โดยออกจากท่าเทียบเรือหลีเป๊ะช่วงบ่ายวันที่ 23 ม.ค. มุ่งหน้าไปดำน้ำที่เกาะรอก จ.ตรัง และจุดหมายปลายทางที่เกาะราชา จ.ภูเก็ต ระยะทางไปกลับ 5 วันนายจำเริญเล่าอย่างตื่นตระหนกว่า เมื่อขับเรือมาถึงจุดเกิดเหตุเวลาประมาณ 15.00 น. ระหว่างเกาะราวี และเส้นทางมุ่งหน้าไปเกาะรอก จ.ตรัง ช่างเครื่องได้อัดออกซิเจนใส่ถังอากาศสำหรับดำน้ำ แต่จู่ๆ เกิดระเบิดดังสนั่นและมีไฟลุกไหม้ ตนจึงวิ่งไปหยิบถังดับเพลิงและฉีดสกัด แต่เพลิงลุกลามเร็วมากแล้วขยายวงกว้างไปทั่วทั้งลำ แถมไฟยังลามไปติดถังออกซิเจนสำหรับดำน้ำจนระเบิดทีละลูกอีก ทำให้ตนตัดสินใจตะโกนบอกลูกเรือและนักท่องเที่ยวทั้ง 21 คนให้สละเรือแล้วกระโดดลงทะเล โดยให้ทิ้งสัมภาระไว้บนเรือ เมื่อทุกคนสละเรือและลอยคออยู่ในน้ำก็หันไปดู พบเพลิงกำลังลุกไหม้เรือวอดทั้งลำแล้วจมลงทะเล ซึ่งขณะที่กำลังลอยคออยู่ก็ภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เนื่องจากช่วงนั้นคลื่นลมในทะเลแรงมาก ก่อนมีเรือประมงผ่านมาช่วยเหลือไว้ได้ สำหรับเรือพานักท่องเที่ยวดำน้ำที่ถูกไฟไหม้มีมูลค่ากว่า 10 ล้านบาทด้านนายแสนศักดิ์ หาญทะเล อายุ 32 ปี พ่อครัวเรือจรัญ 3 เล่าถึงนาทีหนีตายว่า ขณะกำลังนอนเล่นพักผ่อนอยู่บนชั้นสองของเรือ ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น จึงวิ่งออกมาดูด้านล่างและได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นอีก จังหวะนั้นทุกคนพร้อมใจกันกระโดดหนีลงทะเลและลอยคออยู่นานร่วมชั่วโมง โดยตอนนั้นเป็นตายเท่ากัน เพราะคลื่นลมในทะเลแรงมาก ก่อนทั้งหมดช่วยกันพยุงตัวและมีเรือประมงผ่านมาช่วยเหลือ ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะรอดชีวิตมาได้จากนั้นเจ้าหน้าที่ส่งนักท่องเที่ยวและลูกเรือไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล เนื่องจากบางคนถูกไฟลวกได้รับบาดเจ็บจากเหตุไฟไหม้ ก่อนแจ้งความที่สภ.ละงู ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและทรัพย์สินที่เสียหาย เบื้องต้นร.ต.ท.มนัส ธรรมดี รองสว.ตำรวจท่องเที่ยว 5 กก.5 บก.ทท. ประสานให้บริษัทนำเที่ยวเข้ามารับผิดชอบและอำนวยความสะดวกเรื่องที่พัก อาหารและการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมสอบสวนถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากความประมาทของลูกเรือหรือไม่

เม็กซิโกลั่นไม่จ่ายค่าสร้างกำแพง
26 มกราคม 2560, 18:09
เมื่อวันที่ 26 ม.ค. เอพีรายงานว่า นายเอ็นริเก เปญา เนียโต ประธานาธิบดีเม็กซิโก พิจารณาอยู่ว่าจะยกเลิกหมายเดินทางไปพบนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่กรุงวอชิงตัน วันที่ 31 ม.ค. หรือไม่ หลังจากนายเนียโตเปิดแถลงตอบโต้นายทรัมป์เรื่องการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนสองประเทศ ว่าเม็กซิโกจะไม่จ่ายเงินตามที่นายทรัมป์บอกว่าให้จ่ายทั้งหมด 100 เปอร์เซนต์ ในการแถลงข่าว นายเนียโตกล่าวว่า เสียใจมากที่เห็นแผนสร้างกำแพงของนายทรัมป์ เม็กซิโกไม่ศรัทธาในเรื่องกำแพงกั้น และเม็กซิโกจะไม่จ่ายค่าสร้างกำแพงใดทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เม็กซิโกขอย้ำถึงมิตรภาพกับประชาชนของสหรัฐอเมริกา และยินดีที่จะบรรลุข้อตกลงต่างๆ กับรัฐบาลสหรัฐ   ทั้งนี้ในช่วงหาเสียง นายทรัมป์เคยกล่าวถึงราคาค่าก่อสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนสองประเทศ ถึง 8 พันล้านดอลลาร์หรือราว 2.8 แสนล้านบาท โดยจะเรียกเก็บจากประเทศเม็กซิโกทั้งหมด นอกจากนี้ทรัมป์ยังหารือถึงมาตรการด้านความมั่นคงชายแดนและผู้อพยพอื่นๆ ได้แก่ จำกัดทางเข้าประเทศสหรัฐต่อผู้ลี้ภัย การระงับรับผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่และงดวีซ่าพลเมืองซีเรียชั่วคราว รวมถึง 7 ประเทศที่เสี่ยงเป็นภัยคุกคามจากการก่อการร้าย ได้แก่ อิรัก อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรียและเยเมน

ทนาย “เณรคำ” เผยเจ้าตัวสู้คดี ขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน อัยการนำพยานเบิกความยึดทรัพย์ 40 ล้าน
26 มกราคม 2560, 11:34
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ม.ค. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 803 ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานผู้ร้องในคดี ฟ61/2556 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 3 ยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินของนายวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก กับพวกซึ่งเป็นผู้คัดค้านรวม 8 คน ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยในวันนี้พนักงานอัยการผู้ร้องนำพยานเข้าสืบจำนวน 3 ปาก ประกอบด้วย พนักงานสอบสวนดีเอสไอ, พระที่เชี่ยวชาญในการสร้างพระพุทธรูป และประธานบริษัทดอกบัวคู่ ภายหลังสืบพยานในช่วงเช้า พ.ต.ท.รวมชัย มานะ อัยการประจำสำนักงานคดีพิเศษ 3 กล่าวว่า ในคดีนี้ทางพนักงานอัยการผู้ร้องขอนำพยานเข้าเบิกความจำนวน 30 กว่าปาก ขณะนี้เบิกความไปแล้วหลายปาก คงเหลือพยานผู้ร้องที่ต้องเบิกความจำนวน 3-4 ปาก หลังจากนั้นจะเป็นฝ่ายผู้คัดค้าน ซึ่งเตรียมพยานไว้ 20 กว่าปากจะขึ้นเบิกความต่อ ก่อนที่ศาลจะนัดฟังคำพิพากษาต่อไป ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะ เนื่องจากขณะนี้คดีพึ่งอยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ โดยคดีนี้ทางพนักงานอัยการได้ร้องขอให้ยึดทรัพย์ ที่เกิดจากการกระทำผิดหลายรายการรวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท นายกิตติ อธินันท์ ทนายผู้คัดค้านที่ 8 เปิดเผยว่า คดีนี้เกิดขึ้นเนื่องจากหลวงปู่เณรคำ ถูกตั้งข้อกล่าวหาฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงิน และพรากผู้เยาว์ ทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งดำเนินคดี ในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับกฎหมายการฟอกเงิน คณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ส่งอัยการร้องขอต่อศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ประกอบด้วยที่ดิน บ้าน บัญชีเงินฝาก และรถยนต์ หลายสิบล้านบาท ที่ปปง.อ้างว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด ซึ่งขณะนี้ฝ่ายอัยการผู้ร้องเหลือการสืบพยานอีก 4 ปาก โดยจากนั้นจะเป็นการสืบพยานฝ่ายผู้คัดค้านอีกหลายสิบปาก โดยเป็นการสืบพยานต่อเนื่องถึงวันศุกร์ที่ 27 มกราคม นี้ นายกิตติ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตัวหลวงปู่เณรคำยังสู้คดีที่พนักงานอัยการต่างประเทศของประเทศไทย ร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนจะต้องสู้คดีอีกนานแค่ไหนนั้น ยังไม่สามารถกำหนดได้ เพราะต้องรอศาลชั้นต้นที่สหรัฐอเมริกามีคำสั่งลงมาก่อน แต่ตัวหลวงปู่เณรคำก็ยังสามารถใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งได้อีก


ตรุษจีนแดนมังกรคาดยอดเดินทางพุ่ง 3 พันล้านเที่ยว
26 มกราคม 2560, 10:12
ข่าวสด - เมื่อวันที่ 25 ม.ค. เอเอฟพีรายงานบรรยากาศต้อนรับตรุษจีนว่า ชาวจีนหลายล้านคนในแผ่นดินใหญ่เริ่มต่อแถวซื้อตั๋วรถโดยสารกลับบ้านกันแล้วท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะที่กรุงปักกิ่ง และนครเซี่ยงไฮ้ ชุมทางการรถไฟและไฮสปีดเทรน ความต้องการในการซื้อตั๋วมีสูงมาก และหลายคนไม่สามารถซื้อตั๋วไฮสปีดได้ เนื่องจากขายหมดแล้วในปีนี้ชาวจีนจะไปฉลองจะต้องเดินทางถึงบ้านภายในวันที่ 27 ม.ค. เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ในวันที่ 28 ม.ค. เจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมคาดการณ์ว่าผู้โดยสารจะเดินทางเกือบ 3,000 ล้านเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีนราว 40 วัน ในจำนวนนี้ 2,500 ล้านเที่ยวเป็นการเดินทางโดยรถยนต์หรือพาหนะบนท้องถนน นายฉี ซี พนักงานบริษัทคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า ไม่สามารถหาตั๋วรถไฟความเร็วสูงจากปักกิ่งไปบ้านเกิดที่มณฑลเฮยหลงเจียง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้เวลา 4 ช.ม.ได้ จึงต้องหันไปใช้รถไฟธรรมดาแทน แม้ว่าการเดินทางใช้เวลาเกือบหนึ่งวันเต็ม และที่นั่งที่ไม่สะดวกสบายเท่าไฮสปีด แต่ถือว่ายังดีเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่ยังหาตั๋วรถไฟกลับบ้านไม่ได้ และยังไม่รู้ว่าจะกลับอย่างไรอาจพลาดโอกาสไปฉลองที่บ้านก็ได้ปีนี้