บิ๊กตู่สั่งเร่งสอบด่วน รองอธิบดีขโมยภาพวาดที่ญี่ปุ่น

ย้ำ หากพบผิดจริง โทษสูงสุดอาจให้ออกราชการ

ข่าวสด

วันพฤหัสบดี ที่ 26 มกราคม 2560, เวลา 11:02 น.

ภาพโดย Facebook Page กรมทรัพย์สินทางปัญญา

ภาพโดย Facebook Page กรมทรัพย์สินทางปัญญา

ข่าวสด - เมื่อวันที่ 25 ม.ค. เว็บไซต์สื่อท้องถิ่นในประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า ตำรวจเมืองเกียวโตจับกุมตัวนายสุภัฒ สงวนดีกุล อายุ 60 ปี รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ของประเทศไทย ตั้งข้อกล่าวหาว่าขโมยภาพวาดที่แขวนตกแต่งไว้บริเวณทางเดินภายในโรงแรม

รายงานข่าวจากสื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นระบุด้วยว่า ภาพวาดที่ถูกขโมยไปมี 3 ภาพ หายไปจากทางเดินบริเวณชั้นที่ 9 และ 10 ของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองเกียวโต โดยพนักงานของโรงแรมสังเกตเห็นว่าภาพวาดบริเวณทางเดินสูญหายไป ก่อนไปแจ้งตำรวจ พร้อมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิด จนกระทั่งนำไปสู่การจับกุมนายสุภัฒ

ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา รับทราบข่าวจากสื่อ ท้องถิ่นญี่ปุ่นแล้ว อยู่ระหว่างประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ในขณะนี้คนไทยอยู่ในความควบคุมของตำรวจญี่ปุ่น และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา กำลังประสาน ขอเข้าเยี่ยม พร้อมให้ความช่วยเหลือด้าน อาทิ จัดหาล่าม และทนายความ ตามแนวทางการให้ความช่วยเหลือคนไทยตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศ ที่ปฏิบัติเป็นปกติในทุกกรณี

ที่กระทรวงพาณิชย์ นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา แถลงว่าได้รับรายงานเบื้องต้นจากกระทรวงการต่างประเทศว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ทางการญี่ปุ่นควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยชาวไทย เป็นข้าราชการระดับรองอธิบดีของกระทรวงพาณิชย์ ขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา ทราบเรื่องแล้ว พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านการกงสุล อาทิ การจัดหาล่าม และทนายความ ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอเข้าเยี่ยม และเมื่อข้าราชการคนดังกล่าวเดินทางกลับมายังประเทศไทย จะได้รับทราบ ข้อเท็จจริง และคำชี้แจงเพิ่มเติม หากมีมูลเข้าข่ายการกระทำความผิด จะดำเนินการตามกฎระเบียบของทางราชการต่อไป

นายทศพลกล่าวว่าขอยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์มีนโยบายควบคุมกำกับดูแลให้ข้าราชการในสังกัดประพฤติตนอยู่ในกฎระเบียบของทางราชการ และรักษาวินัยตามกฎหมายข้าราชการพลเรือน แต่จะต้องให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการที่ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงตอบข้อกล่าวหาด้วย และขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อรองอธิบดีได้ จึงยังไม่ทราบรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทำได้เพียงประสานกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโอซากา เพื่อติดต่อขอเข้าพบ แต่ถือว่าไม่ใช่เหตุที่เกิดจากการปฏิบัติราชการ เพราะการปฏิบัติราชการเสร็จสินแล้ว แต่ที่รองอธิบดียังไม่กลับ เพราะต้องไปบรรยายตามคำเชิญของมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น

“หากรองอธิบดีเดินทางกลับมายังประเทศ ไทย จะสอบสวนหาข้อเท็จจริง ถ้ามีมูลเข้าข่ายการกระทำความผิด ต้องดำเนินการตามกฎระเบียบของทางราชการ โทษสูงสุดอาจต้องให้ออกจากข้าราชการ แต่เหตุเกิดที่ญี่ปุ่นก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายของญี่ปุ่น ส่วนการสอบสวนของราชการ ตามระเบียบแล้วต้องแยกการสอบสวนจากญี่ปุ่น เชื่อว่าการดำเนินคดีต้องใช้เวลามากพอสมควร และยังไม่สามารถยืนยันสถานภาพได้ ว่าเป็นผู้ต้องหา แล้วหรือไม่” นายทศพลกล่าว

อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญากล่าวต่อว่า รองอธิบดีเป็นคนมีความรู้ความสามารถ มีประวัติที่ดีมาโดยตลอด เพิ่งย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาเพียง 2 ปี รองอธิบดีเคยปฏิบัติหน้าที่ ผอ.สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโอซากา และเป็นเลขานุการฝ่ายการพาณิชย์ สำนักงานที่ปรึกษาการพาณิชย์ กรุงโตเกียว เริ่มรับราชการ ที่กรมการค้าต่างประเทศ เมื่อปี พ.ศ.2527

ส่วนนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่ายอมรับว่ามีรองอธิบดีเดินทางไปร่วมอบรมสัมมนาเชิงวิชาการที่ญี่ปุ่นจริง จึงขอข้อมูลไปยังสำนักงานพาณิชย์ที่ญี่ปุ่น รวมถึงสถานทูตไทยในญี่ปุ่น เพื่อติดตามรายละเอียดอย่างใกล้ชิด แต่ต้องรอผลการตรวจสอบจากญี่ปุ่นก่อนว่ามีเหตุผล และข้อเท็จจริงในการกระทำอย่างไร หากผิดจริงจะจัดการตามระเบียบขั้นตอนทางราชการ และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง คาดว่าผลสรุปเรื่องนี้จะทราบผลภายใน 1-2 วันนี้

ด้านนายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ กล่าวว่าตามขั้นตอน จะต้องประสานผ่านทางสถานทูตไทยที่ประจำ อยู่ในประเทศนั้น เพื่อจัดเจ้าหน้าที่ไปดูแลช่วยเหลือในเบื้องต้น ส่วนกระบวนการแก้ต่างทางคดีจะต้องใช้ทนายของประเทศที่ เกิดเหตุ เพื่อช่วยดูแลคดีให้ เพราะการจะไปว่าความต้องมีใบอนุญาตว่าความจากประเทศนั้นๆ กรณีรองอธิบดีของไทยถูกจับที่ญี่ปุ่น ก็ต้องใช้ทนายความชาวญี่ปุ่นว่าความให้

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวเช่นกันว่า เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะสอบสวน แต่ยังไม่เห็นรายละเอียด ทำไมข่าวทำนองนี้ออกมามาก ซึ่งก็เห็นกันเพราะหมอดูออกมาบอกแล้วว่าปีนี้สิ่งที่ปิดบังกันเอาไว้ จะถูกเปิดเผยมาทั้งหมด

ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการ กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เรื่องจึงไม่ต้องเข้ามาที่ป.ป.ช. ส่วนเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรม หรือโทษทางวินัย เป็นเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์ ต้องพิจารณา

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่