จบสวย! คนขับรถตู้ยอมรับเก็บเกินราคา แต่เรียกเพียง 2 พัน ขนส่ง-ตร.เชื่อเข้าใจคลาดเคลื่อน

ภูเก็ต - จากกรณีวานนี้ (17 ก.ค.62) นักท่องเที่ยวหญิงชาวออสเตรเลีย 2 คน เดินทางไปเเจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.กะรน จ.ภูเก็ต หลังเรียกรถตู้จากสนามบินภูเก็ตไปส่งที่โรงแรมเเห่งหนึ่งในพื้นที่หาดกะตะ โดยทั้งคู่แจ้งว่าคนขับรถได้เรียกร้องค่าโดยสารเป็นจำนวนถึง 3,000 บาท ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากทั้งสองฝั่งให้การไม่ตรงกัน แต่สุดท้ายปรองดองกันได้ สรุปว่าเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนระหว่างผู้โดยสารและคนขับรถตู้

เอกภพ ทองทับ

วันพฤหัสบดี ที่ 18 กรกฎาคม 2562, เวลา 17:53 น.

ภาพ เอกภพ ทองทับ

ภาพ เอกภพ ทองทับ

สองนักท่องเที่ยวสาวชาวออสเตรเลีย แจ้งความดำเนินคดีกับคนขับรถตู้บริการ ที่คิดค่าบริการจากสนามบินภูเก็ตไปส่งที่โรงแรมแถวหาดกะตะเป็นเงิน 3,000 บาท หลังทราบเรื่อง นายประไพ สวนกูล หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน เจรจากับทั้งสองฝ่ายเพื่อปรับความเข้าใจกัน และไม่ต้องการให้เสียภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยว (อ่านเพิ่มเติม คลิก)

ในขณะเดียวกันท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่าได้เกิดขึ้นจริง และได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทราบว่ามีผู้ก่อเหตุจำนวน 2 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาให้บริการภายในเขต ทภก. ซึ่งถือเป็นความผิด ส่วนรถตู้คันที่ก่อเหตุมิได้เป็นรถบริการสาธารณะที่ได้ลงทะเบียนไว้กับ ทภก. (อ่านเพิ่มเติม คลิก)

ล่าสุดวันนี้ (18 ก.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรกะรน นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อม พ.ต.อ.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ ผกก.กะรน ได้เชิญทั้งนักท่องเที่ยวหญิงชาวออสเตรเลียผู้เสียหาย, นายภูมิพัฒน์ จันทร์แก้ว พนักงานขับรถตู้คู่กรณี ผู้ถูกกล่าวหา และนางนฤมล จำปาทอง ผู้เชิญชวนนักท่องเที่ยวขึ้นรถตู้โดยสารที่ท่าอากาศยานภูเก็ต รวมถึงเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดภูเก็ต มาให้การเพิ่มเติมเพื่อยุติเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะลงเอยด้วยดีดังกล่าว

นายภูมิพัฒน์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนทราบเรื่องจากโซเชียลจึงรีบเดินทางมายัง สภ.กะรน เพื่อให้การถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่าเเท้จริงเเล้วค่าโดยสารที่เรียกเก็บ เรียกเก็บไปเพียง 2,000 บาท เป็นค่าเหมารถตู้โดยสารในราคาเหมาคัน ซึ่งโดยปกติราคาเหมารถตู้จากสนามบินไปยังหาดกะตะ-กะรน ในราคาเหมาคันทั่วไปจะอยู่ที่ 1,600 บาท หรือถ้าคิดเป็นรายหัว ก็จะตกราว 200/คน เเต่ต้องรอให้ผู้โดยสารเต็ม 13 คน จึงค่อยออกรถ โดยกรณีนี้ทางพนักงานขับรถตู้ได้อธิบายตกลงราคากันก่อนเเล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวก็ตอบตกลง

เเต่ในเรื่องนี้พนักงานขับรถตู้ยอมรับว่าตนผิดจริง ที่เรียกเก็บค่าโดยสารไป 2,000 บาท ซึ่งเกินราคาไป 400 บาท และยืนยันว่าจากข่าวที่ระบุว่าเรียกเก็บค่าโดยสาร 3,000 บาท นั้นไม่เป็นความจริงอย่างเเน่นอน

ด้านนายสุพจน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คน เดินทางมาจากประเทศออสเตรเลีย มายังจังหวัดภูเก็ต ขณะนั้นอยู่ในระหว่างประสานติดต่อขอรถจากโรงแรมไปรับ ขณะที่กำลังรอรถของโรงแรมอยู่ได้มีนางนฤมล เดินเข้าไปติดต่อเพื่อที่จะขอรับไปส่งที่โรงแรม โดยให้เพื่อนคือนายภูมิพัฒน์ มารับผู้โดยสารรายนี้ ซึ่งในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวน เนื่องจากผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหาให้การไม่ตรงกัน ส่วนนางนฤมล มีความผิด พ.ร.บ.การท่าฯ ฐานเข้าไปในท่าอากาศยานโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยได้โทษปรับสูงสุดไปเเล้วเป็นเงิน 2,000 บาท

รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวอีกว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้มีการกำชับในเรื่องการให้ความเป็นธรรม โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยว เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแห่งการท่องเที่ยว และย้ำว่าอย่าให้เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นอีก

ภายหลังจากการพูดคุยตัวแทนจากสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ตสรุปว่า ค่าโดยสารที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันถือว่าเหมาะสม เพราะเป็นความยินยอมของทั้งผู้โดยสารและคนขับรถ จึงถือว่าไม่มีความผิด

“รถที่ใช้ขนส่งนักท่องเที่ยวเป็นรถที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายขนส่งทางบก (รถป้ายเหลือง) ในส่วนของอัตราค่าโดยสาร กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ ให้ใช้วิธีการตกลงราคา ถ้าผู้โดยสารและคนขับรถตกลงกันในราคาสองพันบาท ก็ถือว่าทั้งสองฝ่ายยินยอมก็ถือว่าเป็นอัตราที่เหมาะสมและถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ไม่ได้มีการเรียกเก็บเงินค่าโดยสารที่เรียกเก็บเกินไปกว่าที่ตกลงไว้ และไม่ได้มีการใช้กริยาวาจาหยาบคายทำให้ผู้โดยสารไม่พอใจ ก็ถือว่าไม่มีความผิด” นายประไพ กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ประวิทย์ กล่าวสรุปว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เบื้องต้นนักท่องเที่ยวได้ตกลงกับทางโรงแรมว่าจะมีรถมารับในราคา 1 พันบาท ต่อมานักท่องเที่ยวต้องจ่ายเงินเป็นจำนวน 2 พันบาทให้กับรถตู้ จึงเกิดเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในเรื่องเงินจำนวน 3 พันบาท หลังจากที่ได้พูดคุยกันสรุปได้ว่าทั้งสองฝ่ายตกลงทำความเข้าใจกันแล้ว โดยทางตำรวจได้ให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งทางนักท่องเที่ยวไม่อยากเป็นข่าวจึงขอตัวกลับไปก่อน ในส่วนของคนขับรถตู้และผู้ชักชวนที่มีความผิด ก็ได้ส่งให้ไปเปรียบเทียบปรับที่ทภก. เรียบร้อยแล้ว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่